ดัชนีดาวโจนส์ ยังดิ่งไม่หยุดร่วงอีก 582.05 จุด สหรัฐปิด13รัฐสู้โควิด-19

  • นักลงทุนตื่นตระหนกการแพร่นฝระบาดไวรัสโควิด-19ทุบเศรษฐกิจ
  • นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจสหรัฐดิ่ง24%ในไตรมาส2
  • กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดรุนแรง จ้างงานพุ่ง30%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 23มี.ค.ที่ 18,591.93 จุด ร่วงลงต่อเนื่องที่ 582.05 จุด หรือ -3.04% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 6,860.67 จุด ลดลง 18.84 จุด หรือ -0.27% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,237.40 จุด ลดลง 67.52 จุด หรือ -2.93%

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่หลายรัฐในสหรัฐได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด

โดยขณะนี้รัฐ 13 แห่งจากจำนวน 50 รัฐในสหรัฐได้ประกาศมาตรการห้ามประชาชนเดินทางสัญจร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งทหารจำนวน 7,300 ราย ลงไปควบคุมการแพร่ระบาดในทุกรัฐ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐมีแนวโน้มที่จะเป็นเหมือนประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป ซึ่งรวมถึงอิตาลีและสเปน ที่ดำเนินการล็อกดาวน์ไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งกระทบให้เศรษฐกิจซบเซาอย่างรุนแรง

นักลงทุนยังรอความชัดเจนว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะอนุมัติมาตรการวงเงิน 1ล้านล้านเหรียญฯ เพื่อเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยขณะนี้มาตรการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการอภิปรายของวุฒิสภา

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ได้เข้าแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ด้วยการประกาศอัดฉีดเงิน แบบไม่จำกัดวงเงิน และจะเข้าซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนเป็นครั้งแรก โดยจะซื้อหลักทรัพย์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในขั้นน่าลงทุน ทั้งในและนอกตลาด รวมทั้งจะเข้าซื้อกองทุน ETFs

นอกจากนี้ เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐไม่ตอบสนองความพยายามดังกล่าวของเฟด

โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจฉุดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทั่วโลกหดตัวลงประมาณ 1% ในปีนี้ และคาดว่าอาจฉุด GDP ของสหรัฐหดตัวลง 24% ในไตรมาส 2 เนื่องจากการที่รัฐบาลทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสหรัฐ ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ขณะที่นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เตือนว่า อัตราว่างงานในสหรัฐอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 30% ในไตรมาส 2 ปีนี้ อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งหากการคาดการณ์ของนายบุลลาร์ดเกิดขึ้นจริง ก็เท่ากับว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นรุนแรงกว่าในยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าจากระดับอัตราว่างงานในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2550-2552

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 6% หลังจาก GE Aviation ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ GE ประกาศแผนการปรับลดพนักงานในอัตราส่วน 10% ของการจ้างงานในองค์กร เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะที่หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.12%