ดัชนีดาวโจนส์แกว่งแคบๆ ยังไม่มั่นใจเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

  • จีนเริ่มมีท่ดัชนีาทีอ่อนลงหลังประกาศเตรียมตอบโต้สหรัฐฯ
  • ขณะที่ตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดเพิ่มขึ้น
  • ผลประกอบการ “วอลล์มาร์ท”ออกมาดีเกินคาด

หลังปิดร่วงลงกว่า 800 จุด แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และถือเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในปีนี้ และเป็นสถิติการทรุดตัวลงหนักที่สุดเป็นอันดับ 4 ของดัชนีดาวโจนส์ เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวแคบๆ โดยอยู่ที่ 25,500.21 จุด บวกเพิ่มขึ้น 20.79 จุด หรือบวกเพิ่มขึ้น 0.08%

ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 7,779.56 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.62 หรือบวก จุด +0.07% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,849.74 จุด บวก 9.14 จุดหรือเพิ่มขึ้น 0.32%

ทั้งนี้ ในช่วงเย็นของวานนี้ ทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ ที่เป็นการแสดงท่าทีที่อ่อนข้อลงของจีน โดยนางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า เราหวังว่าสหรัฐจะพบกับจีนครึ่งทาง และดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำของทั้งสองฝ่ายบรรลุในการประชุมที่นครโอซากา ขณะที่มองหาแนวทางที่ยอมรับได้ร่วมกัน ผ่านทางการหารือกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน และการเคารพซึ่งกันและกัน

นักลงทุนเริ่มเห็นความหวังมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ จีนยืนยันที่จะตอบโต้ ต่อการที่สหรัฐเตรียมขึ้นภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน โดยกระทรวงการคลังของจีนว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็นต่อสหรัฐฯ รวมทั้ง ระบุว่า มาตรการทางภาษีของสหรัฐเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ผู้นำสหรัฐและจีนเห็นพ้องกันในการเจรจาแก้ไขข้อพิพาททางการค้า

หุ้นของบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกพุ่งขึ้น หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไร และรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยวอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีกำไร 1.27 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์สหรัฐฯ หุ้น

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 213,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 0.7% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือน ก.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายเสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์ แม้ว่ายอดขายรถยนต์ลดลงก็ตาม