ดัชนีดาวโจนส์เชื่อมั่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปิดตลาดบวก 495จุด

  • ดาวโจนส์-เอสแอนด์พี ขึ้นเป็นวันที่ 2 แนสแด็กติดลบ
  • นักลงทุนหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยลดภาระคนสหรัฐ
  • อดีตประธานเฟดเชื่อมั่นแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย แต่ชั่วคราว เราจะฝ่าวิกฤตไปได้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 25มี.ค.ที่ 21,200.55 จุด เพิ่มขึ้น 495.64 จุด หรือ +2.39% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,475.56 จุด เพิ่มขึ้น 28.23 จุด หรือ +1.15% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 7,384.29 จุด ลดลง 33.56 จุด หรือ -0.45%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสามารถบรรลุข้อตกลงในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ด้วยวงเงินสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งจะจัดสรรเงินกู้วงเงิน 3.67 แสนล้านเหรียญ ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก รวมทั้ง สนับสนุนโครงการที่จะจัดสรรเงินให้แก่กระทวงการคลังในวงเงิน 5 แสนล้านเหรียญ

ขณะที่มีมาตรการแจกเงินเพื่อบรรเทาผลกระทบ ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับเงินสดโดยตรงคนละ 1,200 ดอลลาร์ ขณะที่เด็กจะได้รับเช็คเงินสดคนละ 500 ดอลลาร์ ส่วนโรงพยาบาลต่างๆจะได้รับการจัดสรรเงินรวม 1.50 แสนล้านดอลลาร์ และธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับเงินช่วยเหลือในวงเงินรวม 3.67 แสนล้านดอลลาร์

หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 24.32% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า รัฐบาลสหรัฐจะยื่นมือช่วยเหลือโบอิ้งซึ่งกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้งได้ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ทะยานขึ้น 10.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ บวก 3.3% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ดีดขึ้น 7.85% หุ้นอีตัน คอร์ป บวก 4.5% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 7.06%

หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐ โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 10.9% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 10.5% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ทะยานขึ้น 20.6% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 15.6% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 4.6%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นปัจจัยฉุดดัชนีแนสแด็ก ปิดในแดนลบ โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 2.18% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.9% หุ้นแอปเปิล ลบ 0.5% โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 2.8% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.5% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 3.4%

นายเบน เบอร์นันเก้ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว โดยระบุว่าเศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะถดถอยอย่างรุนแรง แต่ก็จะฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา

“มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอยอย่างรุนแรงในไตรมาสต่อไป แต่จะเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ เพราะมีการชัตดาวน์จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 แต่ถ้าหากตลาดแรงงานไม่ได้ถูกกระทบมากเกินไป เราก็จะเห็นการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายเบอร์นันเก้กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.2% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนม.ค.สูงกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์