ดัชนีดาวโจนส์ผันผวน ปิดตลาดลบ 184จุด กังวลโควิดพุ่ง-ล็อกดาวน์

.ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นลง ตามความกังวลสถานการณ์โควิด
.ขานรับทั้งปัจจัยบวกเริ่มใช้วัคซีน-ปัจจัยลบโควิดพุ่ง-ล็อกดาวน์
.นักลงทุนจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ-ประชุมเฟด 15-16ธ.ค.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,861.55 จุด ลดลง 184.82 จุด หรือ -0.62% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,647.49 จุด ลดลง 15.97 จุด หรือ -0.44% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,440.04 จุด เพิ่มขึ้น 62.17 จุด หรือ +0.50%

ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวผันผวน โดยในช่วงแรกตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยนักลงทุนซื้อหุ้นเก็งกำไรจากข่าวสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้ให้การอนุมัติวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และบริษัทไบโอเอ็นเทคเป็นกรณีฉุกเฉิน และผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ลงนามอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้กับชาวอเมริกันอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบที่กดดัชนีตลาดหุ้นลงในช่วงต่อมา คือความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากการกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ของสหรัฐและในยุโรป โดยล่าสุด นายแอนดรูว์ คัวโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้ออกคำสั่งห้ามการรับประทานอาหารในร้านในกรุงนิวยอร์กซิตี้ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดตั้งแต่วันพุธที่ 16 ธ.ค. ไปจนถึงวันที่ 10 ม.ค.ปีหน้า

นอกจากนั้น การดิ่งลงของหุ้นวอลท์ดิสนีย์ 3.6% ซึ่เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เก็ตส์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นวอลท์ดิสนีย์ลงสู่ระดับ “market perform” จากระดับ “outperform”

หุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลง 3.53% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.62% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 3.23% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ร่วงลง 2.67% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดลง 8.23%

หุ้นอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 2.63% หลังจากรัฐบาลจีนเตือนว่าจะเข้าตรวจสอบบริษัทอาลีบาบาตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาด

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีแนสแด็กปิดในแดนบวก โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 3.82% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.49% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.23% หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 0.44%

หุ้นอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคัลส์ (Alexion Pharmaceuticals) ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 29.20% หลังจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ ได้ประกาศซื้อกิจการของอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคัลส์

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 4.89% เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข่าวหุ้นของบริษัทเทสลาที่จะได้รับการคำนวณในดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้

นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 15-16 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)