ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง.182 จุด กังวลโควิด-19 ความตึงเครียดจีน-สหรัฐ

  • นักลงทุนกังวลความตึงเครียดสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้น
  • สถานการณ์โควิด-19ในสหรัฐยังรุนแรง ยอดผู้ติดเชื้อใหม่-ตายพุ่ง
  • ตลาดรอผลประกอบการไตรมาสที่2บริษัทชั้นนำที่จะประกาศสัปดาห์หน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 ก.ค.ที่ 26,469.89 จุด ลดลง 182.44 จุด หรือ -0.68%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,215.63 จุด ลดลง 20.03 จุด หรือ -0.62% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 10,363.18 จุด ลดลง 98.44 จุด หรือ -0.94%

ตลาดถูกกดดันจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากจีนสั่งให้สหรัฐปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตู เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน

ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ วิจารณ์วัผู้นำจีน ว่าเป็นทรราชที่ก้มหัวให้กับระบอบเผด็จการของโลก ซึ่งทำให้ทิศทางของประเทศมืดมน ซึ่งสร้างความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุ 4 ล้านรายแล้ว และมีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่า 1,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาติดต่อกันเป็นวันที่ 3 แล้ว โดยสหรัฐฯ มีสถิติผู้ติดเชื้อใหม่สูงถึง 2,600คนต่อชั่วโมง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นำโดยหุ้นอินเทล ร่วง 16.24% หลังบริษัทรายงานความล่าช้าในการผลิตชิป ขนาด 7 นาโนเมตร ซึ่งมีขนาดเล็กลงและมีขีดความสามารถในการประมวลผลได้เร็วขึ้น

หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ร่วง 1.1% ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งบริหารที่มีเป้าหมายเพื่อลดราคายาลง

หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ร่วง 1.4% หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาส ร่วง 85% เนื่องจากการกันเงินสำรองเกือบ 638 ล้านดอลลาร์เพื่อรองรับการผิดนัดชำระหนี้

หุ้นฮันนีเวลล์ อินเตอร์เนชันแล ร่วง 2.8% และหุ้นเทสลา อิงค์ ร่วง 6.3%

อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่เปิดเผยผลประกอบการดี โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) พุ่ง 16.5% และหุ้นเวอไรซอน คอมมิวนิเคชั่น บวก 1.8% หลังเปิดเผยรายได้และผลกำไรที่สูงเกินคาด

ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำ, การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ก.ค. และการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 ของสหรัฐซึ่งคาดว่าจะย่ำแย่ที่สุดเป็นประวัติการณ์

บริษัทแอปเปิล, อัลฟาเบท และแอมะซอน.คอม จะเปิดเผยผลประกอบการในวันที่ 30 ก.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผย GDP ไตรมาส 2 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะทรุดลง 35%

ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจที่ออกมาวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 13.8% สู่ระดับ 776,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4% สู่ระดับ 700,000 ยูนิต

ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย.