ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นแคบๆ 36.28จุด หลังเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด

  • คณะกรรมการเฟดเสียงแตก 7 ต่อ3ลดดอกเบี้ย 0.25%
  • ขณะที่ไม่ส่งสัญญาณชัดเจนลดดอกเบี้ยต่อหรือไม่
  • ระบุขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจลดต่อได้หากจำเป็น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวันที่ 18 ก.ย.ที่ระดับ 27,147.08 จุด เพิ่มขึ้น 36.28 จุด หรือ +0.13% ขณะที่ดัชนีเอาแอนด์พี500 ปิดที่ 3,006.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.03 จุด หรือ +0.03% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 8,177.39 จุด ลดลง 8.62 จุด, -0.11%

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในช่วงแคบ เพราะแม้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติ 7-3 เสียงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป

ทั้งนี้ ถ้อยคำในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมการเฟดยังคงเน้นย้ำถึงพัฒนาการของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และระบุว่าการแรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ เป็นสาเหตุของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า การดำเนินนโยบายการเงินอย่างพอเหมาะเช่นนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ในปัจจุบัน พร้อมกับกล่าวว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯจาก 2.1% เป็น 2.2%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 0.4%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI โดยหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 10.1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 1.05% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 1.1% หุ้นอาปาเช คอร์ป ร่วงลง 2.2% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.4%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 12.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.364 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2550 จากระดับ 1.215 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.