- เป็นโอกาสของการจัดตั้ง “ศูนย์กลางอาหารฮาลาลโลก”สู่ตะวันออกกลาง
- ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้
วันที่ 5 ก.พ.2565 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,137 คน ระหว่างวันที่ 1–4 ก.พ. เรื่อง”ฟื้นสัมพันธ์ ไทย-ซาอุฯ ความหวัง ความห่วงใย ชายแดนใต้” พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 95.5 ระบุทุกคนคือคนไทย ไม่ว่าอยู่ภาคใด ศาสนาและวัฒนธรรมใดในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้ ก็คือคนไทยด้วยกัน ที่น่าพิจารณาต่อปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อย 94.9 ระบุ ต้องการเห็นการร่วมกันพูดคุยอย่างสันติและหาทางออกร่วมกัน ร้อยละ 94.8 มองว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันต่างห่วงใยต่อปัญหาใต้ พร้อมช่วยกันและไม่ทอดทิ้งกัน
ขณะที่ร้อยละ 94.4 ไม่ต้องการให้มีการแทรกแซงจากภายนอก หรือ ใช้เงื่อนไขประวัติศาสตร์ เชื้อชาติและศาสนา มาเป็นเหตุขัดแย้งรุนแรง ร้อยละ 93.7 ต้องการเห็นการพัฒนาภาคใต้เหมือนภาคอื่นๆ ให้ทุกคนสามารถเดินทางไปมาอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ร้อยละ 93.5 ต้องการเห็นรัฐจริงใจ จริงจังในการแก้ปัญหามากขึ้น สร้างโอกาสที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำทุกด้าน สนับสนุน การเป็นสมาชิก องค์การความร่วมมืออิสลาม(OIC) และร้อยละ 93.2 ไม่ต้องการให้โจรใต้หรือกลุ่มผลประโยชน์เบื้องหลัง ใช้ความรุนแรงสร้างความหวาดกลัว ปิดกั้นการศึกษาและพัฒนาพื้นที่
ทั้งนี้ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.2 เชื่อว่า การฟื้นสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯ จะเป็นโอกาสและความหวัง ในการศึกษาเข้าถึงแก่นของศาสนาและยุติปัญหาความรุนแรง และ 89.0 เชื่อว่าเป็นโอกาสของการจัดตั้ง “ศูนย์กลางอาหารฮาลาลโลก”สู่ตะวันออกกลาง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต่างห่วงใยพี่น้องชายแดนใต้และเสียใจต่อปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น อยากไปเที่ยวและมีส่วนร่วมช่วย ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ต้องการเห็นความจริงใจและมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งจากภาครัฐเอง กลุ่มก่อความไม่สงบที่มีกลุ่มผลประโยชน์ในพื้นที่เบื้องหลังบงการ ประเทศเพื่อนบ้านที่รู้เห็น รวมทั้งองค์กรภาคประชาสังคมและประชาชนในพื้นที่ โดยไม่ต้องการให้นำเงื่อนไขทางประวัติศาสตร์ มาปลุกสร้างความรุนแรงและความหวาดกลัวกับประชาชนในพื้นที่
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ที่สำคัญและน่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ ส่วนใหญ่ต้องการให้กลุ่มอิทธิพลในพื้นที่ชายแดนใต้ หยุดครอบงำ กดทับสิทธิและเสรีภาพประชาชนในพื้นที่ โดยเปิดโอกาสให้เด็กเยาวชน ได้รับการศึกษา เรียนรู้และร่วมพัฒนาพื้นที่ทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไปด้วยกัน โดยเฉพาะการฟื้นสัมพันธ์ ไทย-ซาอุฯ ที่ส่วนใหญ่ต่างเห็นถึงโอกาสและความหวังของการยุติปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ทั้งจากการศึกษาเข้าถึงแก่นของศาสนา การพัฒนาแรงงานไทย และการยกระดับพื้นที่เป็น“ศูนย์กลางเศรษฐกิจอาหารฮาลาลโลก” ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างมีอนาคตไปด้วยกัน.
