“จุรินทร์” ลั่น!ส.ส.-ส.ว.กำหนดชะตา “ประธานสภา”

  • เหตุเป็นผู้โหวตเลือกบุคคลตามที่ถูกเสนอชื่อ
  • ย้ำมาจากพรรคการเมืองใด อันดับใดก็ได้
  • แต่รอกกต.รับรองผลเลือกตั้งก่อนค่อยเปิดโหวต

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่กระทรวงพาณิชย์ วันนี้ (29พ.ค.) ถึงการเลือกประธานรัฐสภา ว่า ขึ้นอยู่กับการลงคะแนนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่าจะเลือกบุคคลใดเป็นประธานสภา โดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่แน่นอนว่าจะต้องเป็นของพรรคการเมืองใด อยู่ที่เมื่อถึงเวลามีผู้เสนอชื่อให้เข้ารับเลือกตั้งเป็นประธานรัฐสภาในที่ประชุมกี่คน และที่ประชุมก็ลงคะแนน เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นเช่นนั้นมา ส่วนที่เป็นห่วงว่า ประธานรัฐสภาจะมีผลต่อการเลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนมองว่ารัฐธรรมนูญและกฎเกณฑ์กติกาเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตแล้ว

“ในอดีต เวลาจะนำชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ อยู่ที่พรรคการเมืองใดจะรวมเสียงส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ได้มากเพียงใด และเรียนให้ประธานรัฐสภารับทราบ และประธานตรวจสอบ และนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ในปัจจุบันนี้ รัฐธรรมนูญเปลี่ยนไป เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องลงคะแนนในที่ประชุมรัฐสภา คือ ที่ประชุมร่วมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนน ดังนั้นบทบาทของประธานสภาในการนำชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯก็น้อยลง เพราะขึ้นอยู่กับผลการลงคะแนนในที่ประชุมรัฐสภา” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จำเป็นหรือไม่ ที่ประธานสภาจะต้องมาจากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนมากที่สุด นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยู่ที่ผลการลงคะแนนในที่ประชุม ที่ผ่านมาก็มีทั้งกรณีที่พรรคที่ได้คะแนนมาอันดับหนึ่ง และไม่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละยุคสมัย และผลการลงคะแนน

ส่วนตำแหน่งประธานรัฐสภาควรจะเป็นบุคคลที่มีความอาวุโสหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คุณสมบัติของประธานรัฐสภาเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ว่าจะต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะหากไม่เป็น ก็เป็นประธานรัฐสภาไม่ได้อยู่แล้ว และคุณสมบัติ ส.ส. เป็นอย่างไรบ้างก็มีระบุไว้ชัดเจน และต้องประกอบกับที่ประชุมเลือกมาเป็นลำดับหนึ่ง จะเป็นบุคคลรุ่นไหนก็ได้ เป็นบุคคลที่มีศักยภาพและเป็นบุคคลที่สภาเลือกมา สำหรับไทม์ไลน์การเลือกประธานสภาจะเป็นช่วงใดนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องนับหนึ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองส.ส.เสียก่อน หากมีการรับรองแล้วจึงจะเรียกประชุมรัฐสภาได้