“จุรินทร์”ลุยเล่นงานคนใกล้ชิดรัฐมนตรีตุนหน้ากากอนามัย

  • ลั่นเอาผิดตามกฎหมายขั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
  • ส่วนคลิปโผล่เตรียมส่งออกจีน200ล้านชิ้นขอตรวจสอบก่อน
  • เตือนพวกขายเกินชิ้นละ250บาทผิดหลายกระทงมีโทษหนัก

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรมช.เกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นยังไม่ทราบว่า มีการกักตุนที่ไหน อย่างไร แต่ถ้ามีเบาะแสที่ชัดเจน สามารถแจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ เพราะที่ผ่านมา มีการร้องเรียนเข้ามามาก โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมเกือบทุกวัน และยืนยันว่า จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

ด้านนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เรื่องคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีกักตุนหน้ากากอนามัยนั้น ได้ส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบแล้วตั้งแต่เช้าวันที่ 9 มี.ค.63 แต่อยากให้สังคมพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะเท่าที่ตรวจสอบบุคคลที่ตกเป็นข่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และยืนยันได้ว่าสินค้าที่ส่งออกจากโรงงาน ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.63 เป็นต้นมา ไม่มีหลุดรอดไปที่ไหนแน่นอน กรมมีรายชื่อทั้งหมดว่าเมื่อออกจากโรงงานแล้วส่งไปที่ใดบ้าง หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น แต่ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์จะรู้เฉพาะในส่วนที่ปันส่วนออกมาจากโรงงานวันละ 600,000 ชิ้นเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีคลิประบุว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นเตรียมส่งออกให้จีนนั้น ขอตรวจสอบก่อน แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโรงงานในไทย ที่ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์มี 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านชิ้น หรือเดือนละ 36 ล้านชิ้น เท่ากับว่าการมีสต๊อกสินค้ามากขนาดนั้น อาจใช้เวลาเป็นปี  

ขณะที่นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ว่า กระทรวงได้จัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.63 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันได้จับกุมดำเนินคดีแล้ว 102 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 74 ราย ต่างจังหวัด 28 ราย ในความผิด 2 ข้อหา คือ มาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และมาตรา 29 และ 30 คือ การค้ากำไรเกินควรและกักตุนสินค้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ ทั้ง Facebook , Line และ Instagram ได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ปัจจุบัน จับกุมแล้ว 14 ราย

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.63 เป็นต้นไป กระทรวงจะตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายเกินราคาที่กฎหมายกำหนด คือ ชิ้นละ 2.50 บาท หากพบผู้กระทำความผิด จะถูกดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาที่กฎหมายกำหนด เป็นความผิดตามมาตรา 25 มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพบว่าผู้กระทำผิด ขายแพงเกินจริงและมีการกักตุนสินค้าด้วย จะเป็นความผิดทั้ง 2 กระทง โดยจะได้รับโทษหนักกว่า คือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร.1569 หรือสื่อโซเชียลของกรม เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบและจับกุมต่อไป