“จุรินทร์”ฟาดเลขาพรรคเพื่อไทย “โกหก”ทุจริตซื้อถุงมือยาง

  • ย้ำไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใครไม่ว่าทางตรงหรืออ้อม
  • ไม่เคยสั่งการให้ใครทุจริตทั้งในที่ลับหรือที่แจ้ง
  • เร่งเอาคนผิดมาลงโทษอาญา แพ่ง วินัย จนถึงยึดทรัพย์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ชี้แจงข้อกล่าวหาของนายประเสริฐ จันทรวงทอง ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 18 ก.พ.ว่า ที่ระบุว่า ตนมีส่วนในการทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางแสนล้านขององค์การคลังสินค้า (อคส.)นั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวข้องกับใคร อย่างใด ไม่ว่าทางตรง ทางอ้อม สั่งการในที่ลับหรือที่แจ้งก็ตาม ซึ่งผู้อภิปรายโกหกหลายประการในที่ประชุมสภา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการไม่ตั้งกรรมการสอบ การอายัดเงินค่ามัดจำ 2,000 ล้านบาท การดำเนินคดี ซึ่งทั้งหมด ตนได้ดำเนินการการแล้ว โดยเฉพาะทันทีที่รู้เรื่องการทุจริต ตนก็ได้ประสานงานขอย้ายพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาราชการแทน ผอ.อคส. ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งย้าย เพื่อเปิดทางให้มีการสอบสวนการทุจริต ดังนั้น ยืนยันได้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยเพิกเฉยเรื่องนี้และมีการติดตามความคืบหน้ามาตลอด

สำหรับทุจริตการจัดซื้อถุงมือยางของอคส. นั้น ที่ผ่านมา ตนได้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 63 ได้ทำการสั่งย้าย พ.ต.อ. รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ จากนั้น 15 ก.ย.63 ตั้งคณะกรรมการสอบทันที ต่อด้วยวันที่ 17 ก.ย. ระงับการซื้อขาย วันที่ 18 ก.ย. นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ได้เข้าแจ้งความต่อทั้ง ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) และ ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) วันที่ 23 ก.ย. แจ้งความต่อปปช. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) วันที่ 19 ต.ค.ป.ป.ช.เรียกสอบปากคำ และวันที่ 21 ต.ค.ดีเอสไอส่งมอบสำนวนให้ป.ป.ช.

โดยในระหว่างนี้นายเกรียงศักดิ์ได้รายงานถึงความคืบหน้าต่อตนถึง 4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.64 ได้รายงานผลการสอบสวนวินัยพบว่า พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และเจ้าหน้าที่อคส. อีก 2 รายมีการทุจริตจริง ซึ่งตนจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเอาผิด และจะแจ้งดำเนินคดีทางอาญาพร้อมกับฟ้องแพ่งเพื่อนำเงินของอคส.กลับคืนมาให้หมด

สำหรับกรณีที่ฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ตนในฐานะที่กำกับดูแลอคส.ทำไมไมใช่อำนาจในการจัดการเรื่องนี้นั้น ขอชี้แจงว่า อคส.เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่งการได้ เพราะอคส.ตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฏีกาจัดตั้งอคส.พ.ศ. 2498 ซึ่งเป็นกฎหมายแม่บทกำหนดอำนาจหน้าที่ของอคส.ชัดเจนซึ่งรัฐมนตรีต้องทำตามกฎหมาย โดยการบริหารงานเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอคส.(บอร์ดอคส)

นอกจากนี้ พระราชกฤษฎีกา อคส.ฉบับใหม่ ปี 2535 ได้แก้ไขไม่ให้รัฐมนตรีเป็นประธานบอร์ดอคส.เพื่อแยกการเมืองออกจากการบริหารกิจการของอคส.ซึ่งก็ทำให้รัฐมนตรีเป็นแค่บุรุษไปรษณีย์เท่านั้นไม่มีอำนาจในการบังคับบัญชา อีกทั้งการตั้งปธ.บอร์ดอคส. มีกฎระเบียบซึ่งเป็นไปตามคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) รัฐมนตรีไม่สามารถแต่งตั้งใครเป็นปธ.บอร์ดอคส.ได้   ตนเป็นเพียงบุรุษไปรษณีย์เสนอชื่อต่อครม.  

ส่วนเสียงบันทึกการประชุมบอร์ดอคส.ที่พูดว่า จะเก็บไว้รมว.เป็นผลงาน เป็นคนกด นั้นตนไม่ทราบ โดยเสียงที่ว่า คนกด นั้นกดอะไร ถ้ากดเปิดงานก็เป็นเรื่องปกติที่รัฐมนตรีทุกคนก็ต้องไปกดปุ่มเปิดงาน และให้เป็นผลงานรมว.นั้นตนไม่ยอมรับแน่เพราะถือเป็นผลงานที่อัปยศ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ตนทำทุกอย่างเพราะต้องการให้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ และนำเงินค่ามัดจำ 2,000 ล้านพร้อมดอกเบี้ยคืนมาให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้เท่าที่ทราบมีการดำเนินการอายัดบัญชีแล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนเงินได้

“ผมจะไม่มีวันยอมให้มีการทุจริต ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะไม่เอาไว้ จะดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงที่สุดตามที่มีอำนาจหน้าที่และยังอยู่ในตำแหน่ง “

สิ่งที่ตนจะทำต่อไป คือ หากคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตัดสินว่า ทั้ง 3 รายมีความผิดทางวินัยร้ายแรงจริง จะถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรง ตั้งแต่พักงาน ไล่ออก แต่เรื่องนี้จะไม่จบตรงนี้เพราะจะถูกฟ้องคดีอาญาข้อหาทุจริต และจะตั้งคณะกรรมการพิจารณารับผิดการละเมิด โดยจะส่งให้กรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการให้ผู้กระทำความผิดชดใช้ความเสียหายให้กับอคส.และ เมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และส่งอัยการฟ้องศาลแล้ว ผู้อำนวยการอคส.ก็จะยื่นฟ้องคดีแพ่งควบคู่ไปกับการดำเนินคดีอาญาด้วย

ขณะเดียวกัน ป.ป.ง.จะสอบเส้นทางการเงินพร้อมยืดทรัพย์ และจะเร่งให้คณะทำงานด้านปฏิรูปของอคส.ออกข้อบังคับและระเบียบอคส.ใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อป้องกันการทุจริตในอนาคตต่อไป