- รวมของกลางคดีถึงที่สุดกว่า10ล้านชิ้นมูลค่ากว่า550ล้านบาท
- ยันผลปราบปรามของทุกหน่วยจริงจังทำของเถื่อนลดฮวบ
- สร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจนักลงทุนเชื่อมั่นทำธุรกิจต่อในไทย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดว่า การปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งมีผู้แทนจาก 17 หน่วยงาน เป็นอนุกรรมการ โดยปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งตลาดที่มีการขายสินค้าละเมิด และตลาดออนไลน์ รวมทั้งเข้มงวดป้องปรามการนำเข้า หรือออกทางช่องทางผ่านแดนตลอดจนทำความเข้าใจ และทำความตกลงกับเจ้าของพื้นที่ ให้เพิ่มการกวดขัน ไม่ให้มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดในพื้นที่ของตนเอง เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาทุกประเภท
ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันปราบปรามสินค้าละเมิด จนทำให้สินค้าละเมิดในท้องตลาดและการละเมิดบนอินเทอร์เน็ตมีปริมาณลดลง ซึ่งผลการดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะภาคเอกชนเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งไทยและต่างประเทศ ที่สำคัญ การบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง จะช่วยผลักดันให้ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทย เข้มแข็ง เป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืนต่อไป”
สำหรับของกลางที่นำมาทำลาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าแบรนด์ดังๆ ระดับโลก และละเมิดลิขสิทธิ์ มีจำนวน 10.62 ล้านชิ้น แบ่งเป็นเสื้อ/กางเกง 119,810 ชิ้น เครื่องหนัง 28,039 ชิ้น รองเท้า 47,688 ชิ้น นาฬิกา 9,014 ชิ้น โทรศัพท์มือถือ 1,402 ชิ้น แผ่นซีดี/ดีวีดี 42,565 ชิ้น กาวตราช้าง 509,784 หลอด บุหรี่ 9 ล้านมวน และอื่นๆ 826,523 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าตามราคาของจริง 550 ล้านบาท โดยในการทำลายของกลางมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และผู้แทนหน่วยงานของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
