จุดพลุ!…ทอท.เดินหน้าประมูลสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก-มั่นใจเริ่มสร้างต้นปี66

ทอท. ได้ไฟเขียว เตรียมเปิดประกวดราคาส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก หรือ East Expansion สุวรรณภูมิ วงเงินกว่า 8,000 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ คาดได้ตัวผู้รับงานปลายปี พร้อมเริ่มก่อสร้างต้นปี 66 ใช้เวลา 29 เดือน เป้าเปิดบริการปลายปี 68 รับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 15 ล้านคนต่อปี   

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เมื่อวันที่17 ม.ค.65 ได้มีมติอนุมัติให้ ทอท. ดำเนินการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลังเดิมด้านทิศตะวันออก (East Expansion) สนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 7,830 ล้านบาท  

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ในแผนพัฒนาท่าสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 60,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วตั้งแต่ปี 57 จึงสามารถทำการลงทุนได้ทันทีโดยไม่ต้องเสนอตามขั้นตอนเพื่อขอพิจารณาอนุมัติโครงการอีก  

อย่างไรก็ตามเนื่องจากโครงการ East Expansionได้จัดทำวงเงินไว้ตั้งแต่ปี 57 ดังนั้น ทอท.จึงต้องทำการปรับแบบและปรับวงเงินอีกครั้งให้เป็นปัจจุบันตามราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็ก และค่าขนส่งที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาปรับแบบและวงเงินประมาณ 3 เดือน แต่เมื่อรวมแล้วจะไม่เกินกรอบวงเงินการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ครม.เคยอนุมัติไว้ที่ 60,000 ล้านบาทแน่นอน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทอท.  เคยประเมินว่าวงเงิน East Expansion จะเพิ่มเป็น 8,000 กว่าล้านบาท  

นายกีรติ  กล่าวต่อว่า หลังจากปรับแบบและกรอบวงเงินเสร็จสิ้นแล้ว ทอท. จะรายงานให้คณะกรรมการบริษัท และครม.รับทราบ ซึ่งคาดว่าจะได้รายงานประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ และจะสามารถเปิดประกวดราคาโครงการได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 (ก.ค.-ก.ย.65) ได้ตัวผู้รับงานช่วงปลายปี 65 และเริ่มงานก่อสร้างต้นปี 66 ใช้เวลาก่อสร้าง 29 เดือน ตั้งเป้าเปิดให้บริการปลายปี 68 ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีก 15 ล้านคนต่อปี  

สำหรับการพัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงิน 41,260 ล้านบาทนั้น ล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดยังอยู่ระหว่างตรวจร่างสัญญาการจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เนื่องจาก ICAO เป็นองค์กรระหว่างประเทศ การว่าจ้างจึงต้องใช้ร่างสัญญาจาก ICAO เป็นหลัก และสำนักงานอัยการสูงสุดฝ่ายไทยเป็นผู้ตรวจและเจรจาต่อรองเพื่อให้สัญญาเป็นธรรมกับฝ่ายไทยด้วย ซึ่งคาดว่าการตรวจร่างสัญญาจะแล้วเสร็จและสามารถว่าจ้าง ICAO ได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้  

ทั้งนี้ AOT จะว่าจ้างให้ ICAO ทำการศึกษาแผนลงทุน North Expansion รวมทั้ง ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลังเดิมด้านทิศตะวันตก (West Expansion) วงเงิน 7,830 ล้านบาท ด้วยว่ามีความเหมาะสมต่อการลงทุนหรือไม่อย่างไร โดยใช้เวลาศึกษา 9 เดือน ก่อนนำเสนอผลการศึกษาให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)พิจารณาต่อไป