ขอติดทองด้ามขวานไทย ! “อนุทิน” ยกทัพ “ภูมิใจไทย” เปิดตัว 3 ผู้สมัคร ภูเก็ต

  • ชูนโยบายเบอร์ 1 โลก การท่องเที่ยวด้านสุขภาพ แลนด์บริดจ์เชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน
  • ย้ำเกิดจากอีสาน แต่รักคนใต้ พร้อมทำงานรับใช้คนทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ธันวาคม 2565 )ที่ศูนย์ประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต ของพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และคณะผู้บริหารเข้าร่วมงาน ประกอบไปด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงเกษตรฯ, นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรค สำหรับผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ภูเก็ต เขต1 นิพนธ์ เอกวานิช( โกจ๋าย ) เขต2 วิวัฒน์ จินดาพล (สจ.ต้อม) เขต3 วงศกร ชนะกิจ (แบงค์ )

นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย อยากมีเจ้านายเป็นภูเก็ต เราเกิดมาจากอีสาน แต่เราอยากรับใช้ทุกท่านในประเทศนี้ 3 ปีที่ผ่านมา คนภูเก็ต ประสบภัยจากโควิด 19 พรรคภูมิใจไทย ไม่มี ส.ส.ภูเก็ต แต่เราเข้ามาดูแลคนภูเก็ต ตั้งแต่วันแรก มาช่วยกันป้องกัน ควบคุมโรคที่ภูเก็ต เอาวัคซีนมาให้คนภูเก็ต ภูเก็ต เป็นจังหวัดแรกที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ เพื่อเปิดให้มีการท่องเที่ยว ให้ทำธุรกิจได้

“พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองแรก ที่มาประชุมพรรคที่ภูเก็ต เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวมาภูเก็ต และ ประชาชนคนภูเก็ต จะต้องปลอดภัย คนภูเก็ต ได้รับการดูแลอย่างดี”

นายอนุทิน กล่าว ว่า การที่เราหนุนให้ภูเก็ตเป็นแซนด์บอกซ์ ตามที่ได้หารือกับท่านรัฐมนตรีพิพัฒน์​ ทำให้การท่องเที่ยวภูเก็ต กลับคืนมาเร็วที่สุด เราเปิดภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยวแรกๆ ของโลก ที่รับนักท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยว กลับคืนมา คนภูเก็ตทำมาหากินได้ใกล้เคียงภาวะปกติ และ ทุกวันนี้ ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด

“ผมนำภูเก็ตไปเสนอบนเวทีโลก เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม EXPO 2028 ผู้นำทุกชาติให้ความสนใจมาก ถ้าประสบความสำเร็จ จะมีรายได้เข้าภูเก็ตนับแสนล้านบาท วันนี้ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นกระแสใหม่ของโลก และเรา จะเป็น เบอร์ 1 ของโลก ศูนย์สุขภาพภูเก็ตจะต้องเกิดขึ้น”

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ท่านรัฐมนตรีศักดิ์สยาม กำลังทำโครงการทางพิเศษ หรือ ทางด่วน ที่ภูเก็ต แก้ปัญหาการจราจรในภูเก็ต อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว รองรับการท่องเที่ยวจะเติบโตอีกมากในอนาคต มูลค่าของภูเก็ต จะเพิ่มขึ้น อีกหลายเท่าตัว

นอกจากนั้น นายอนุทิน ยังได้ชูนโยบายเพิ่มเติมประกอบไปด้วย การพักหนี้ประชาชนคนละ 1ล้านบาท หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 ปี นโยายเพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็นต้น

“พรรคภูมิใจไทย จะทำให้ภาคใต้ เป็นด้ามขวานทอง เรากำลังทำโครงการแลนด์บริดจ์ ถ้าทำเสร็จ จะเป็นการเปลี่ยนแปลง เมืองท่าขนส่งสินค้าในภูมิภาคนี้ ภาคใต้ ทุกจังหวัด จะมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเรือส่วนใหญ่ เกือบทุกลำ จากอันดามัน ที่จะไปฝั่งอ่าวไทย จะมาประเทศไทย ไม่ไปเมืองท่าเดิมๆ อีกแล้ว

เราจะเชื่อม จ. ระนอง จ.ชุมพร เชื่อมอันดามันกับอ่าวไทย เซฟเวลา 4 วัน สินค้าของไทย จะถึงก่อน 4 วัน ถ้าเป็นสินค้าเกษตร จะคงความสดไว้แน่นอน สิ่งที่ภูมิใจไทยทำ เราเอาวิถีชีวิตเป็นที่ตั้ง แล้วพูดในสิ่งที่ทำได้ ทำเร็ว ทำเลย มานำเสนอประชาชน

ผมขอเอาทองมาติดด้ามขวาน เราอยากให้เป็นขวานทอง เจริญทั้งธุรกิจ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ขอให้ภาคใต้เป็นด้ามขวานทอง โดยฝีมือของพรรคภูมิใจไทย

ขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทย ได้รับใช้คนภูเก็ต ขอรับประกันว่า ถ้ารู้จักแล้วจะรักกันมากกว่านี้ ขอบคุณที่มาเริ่มต้นร่วมกันทำงานเพื่อคนภูเก็ตวันนี้ และขอบคุณล่วงหน้ากับโอกาสที่จะมอบให้แก่พรรคภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยนโยบายสุขภาพ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ล่าสุด ให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ 2566 เน้นการดูแลผู้สูงอายุ ของประเทศไทย

โดยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ทุกคนจะเป็นบุคคลพิเศษ ได้รับสิทธิพิเศษจากกระทรวงสาธารณสุข ตลอดทั้งปี ทุกเดือน จะมีแคมเปญ สำหรับผู้สูงอายุ เช่น วัดสายตา ตัดแว่นฟรี ,ลอกต้อ ฟรี ตรวจสุขภาพฟรี , รับ ผ้าอ้อมอนามัย ฟรี ทุกเดือน เข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุฟรี

ทั้งยังเดินหน้าให้มีการจัดทำโรงพยาบาลผู้สูงอาย ฟรี ทุกจังหวัด ,คลีนิคผู้สูงอายุ ฟรี ทุกอำเภอ

นายอนุทิน กล่าวว่า “เราจะดูแลพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย แทนลูกหลาน เพื่อให้ลูกหลาน ได้มีเวลาไปทำมาหากิน โดยไม่ต้องห่วงผู้สูงอายุในบ้าน”