ก.ล.ต.ผนึกกำลังตลาดหลักทรัพย์ ผุด 3 โครงการเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนไทย

เลขา ก.ล.ต.คนใหม่เครื่องร้อน!! เรียกหารือร่วมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ หวังประสานการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อพัฒนาตลาดทุน เร่งเดินหน้า 3 โครงการ วันสต็อปเซอร์วิส, One Reportและ One ESG หวังลดซ้ำซ้อน เพิ่มความสะดวกให้บริษัทจดทะเบียน และรวมศูนย์การพัฒนา ESG พร้อมหนุนการทำวิจัยและฐานข้อมูลร่วมกัน ก่อนเชื่อมต่อกับกระทรวงพาณิชย์

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหาร ก.ล.ต.ได้นัดหารือกับทีมผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อกำหนดกลยุทธ์และแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทุนไทย ลดความซ้ำซ้อนและลดภาระในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ และอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทจดทะเบียน 

นางสาวรื่นวดีกล่าวต่อว่า รายละเอียดของการหารือในครั้งนี้ มี 3 ประเด็นหลักได้แก่ 1. การสานต่องานของเลขาธิการ ก.ล.ต.คนเก่า ซึ่งได้ทำข้อตกลงร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ในการผลักดันโครงการวันสต็อปเซอร์วิส (One Stop Service) โดยจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการระดมทุนสำหรับบริษัทที่สนใจระดมทุน และการปฏิบัติตามเกณฑ์ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้วแบบครบวงจร จากปัจจุบันที่ต้องติดต่อสอบถามในเรื่องเดียวกันจาก2หน่วยงาน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มเปิดศูนย์ให้บริการได้วันที่ 24 ก.ย.นี้  “โครงการวันสต็อปเซอร์วิสจะเป็นบริการที่ช่วยลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงานทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งจะเปิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ส่งคำถามมายังหน่วยงานและจะมีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามเชิงลึก รวมถึงจะมีการวัดผลความพึงพอใจของบริษัทจดทะเบียนด้วย ขณะที่ในอนาคตอาจมีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังกระทรวงพาณิชย์ด้วย”

ส่วนประเด็นที่ 2 คือ One Report เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทจดทะเบียน โดยลดความซ้ำซ้อนของแบบ รายงาน56-1 และแบบรายงาน  56-2 ที่มีสาระสำคัญใกล้เคียงกันให้เหลือเพียงแบบเดียว โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น คาดว่าจะเปิดให้บริษัทจดทะเบียนที่มีความพร้อมนำแบบรายงานใหม่มาใช้โดยสมัครใจในการยื่นรายงานประจำปี 62 ที่ครบกำหนดส่งในปี 63 และเริ่มใช้บังคับกับทุกบริษัทสำหรับรายงานประจำปี 63 ที่ครบกำหนดส่งในปี64 เป็นต้นไป ส่วนแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ 69-1) ของบริษัทที่ยื่นคำขอขายกุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้วแรก(ไอพีโอ)นั้นจะบังคับใช้ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป นอกจากนี้ จะปรับปรุงแบบรายงานให้กระชับขึ้น

ส่วนประเด็นที่ 3 คือ One ESG คือการรวมศูนย์การพัฒนา ESG คือการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและการมีธรรมาภิบาล เพื่อผลักดันการขับเคลื่อน ESG ของตลาดทุนไทย โดยเน้นให้เกิดการปฏิบัติจริง  ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมา โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันกรรมการบริษัทไทย (ไอโอดี) ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมเป็นกรรมการ  รวมถึงจะผลักดันให้มีเกณฑ์มาตรฐานในการให้รางวัลด้าน ESG ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อเป็นกำลังใจให้บริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนต่อไป เพราะมาตรฐานการให้รางวัลที่สูงทำให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กไม่สามารถสู้บริษัทใหญ่ได้

นอกจากนี้ที่ประชุมร่วมผู้บริหารยังมีความเห็นร่วมกันในการทำวิจัยและฐานข้อมูลร่วมกัน รวมถึงการทำฐานข้อมูลของตลาดทุนเพื่อเชื่อมโยงไปยังกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งการปรับกฎเกณฑ์ในการทำไอพีโอที่เอื้ออำนวยกับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก หรือ เอสเอ็มอีให้เข้ามาระดมทุนในตลาดทุน ได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจมีการแยกคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ให้กับเอสเอ็มอี  ส่วนในเรื่องการคุ้มครองผู้ลงทุนนั้น จะเน้นผลักดันบทบาทของสมาคมผู้ลงทุนไทย และสร้างความตระหนักรู้ เบื้องต้นได้หารือกับสภาทนายความในการมาให้ความรู้กับผู้ลงทุนด้วย 

“ก.ล.ต.กับ ตลาดหลักทรัพย์ ตกลงกันว่าจะหารือกันทุกไตรมาส ไม่นับรวมกับสิ่งที่ต้องคุยกันเป็นปกติทุกวัน รวมถึงในกฎหมายหลักทรัพย์ฉบับใหม่ซึ่งกำหนดให้การปรับเปลี่ยนเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ต้องได้รับมติเห็นชอบจากบอร์ดก.ล.ต.ด้วย

ด้านนายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการกล่าวว่า การสนับสนุนและการบูรณาการทำงานร่วมกันกับ ก.ล.ต.จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนกลยุทธ์สำคัญ คือ “Creating Partnership Platform to Drive Inclusive Growth” โดยมุ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดทุนครบวงจรของประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน เพื่อขยายโอกาสการเติบโตทุกภาคส่วน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำงานร่วมกับผู้ร่วมตลาดอย่างใกล้ชิด