“กัลฟ์” ฝันรายได้ปีวัวทองพุ่งทะลัก50% เมื่อเทียบกับปี63

  • ทุกโครงการลงทุนเริ่มสร้างรายได้ 
  • เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการในต่างประเทศ
  • ไตรมาส4มีกำไร1,239ล้านบาท 

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF  เปิดเผยว่ารายได้ของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น50% จากปี ที่ผ่านมา เนื่องมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าอิสระขนาดใหญ่(ไอพีพี)  2,650 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการGSRC หน่วยที่ 1 และ 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,325 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือนมี.ค.และต.ค.ปีนี้  อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเดือน พ.ค.และต.ค.ปีนี้ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน จำนวน326 เมกะวัตต์ (DIPWP) ระยะที่ 1 ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส2 ปีนี้ ซึ่งทำให้ บริษัท มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มขึ้น จาก 6,409 เมกะวัตต์ จากปีที่ผ่านมา เป็น 7,903 เมกะวัตต์ ในปี นี้

นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้กำไรเต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้าลมในทะเล BKR2 และโครงการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ PTTNGD ที่บริษัทฯ ได้เข้าซื้อในสัดส่วน 40% เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับรับรู้เงินปันผลที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในหุ้นอินทัช อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) 1,239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น85% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(YoY) สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 465 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเยอรมนี ในไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นไตรมาสแรก หลังจากที่ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้น 50% ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และมีรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลกัลฟ์ จะนะ กรีน (GCG) กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 25 เมกะวัตต์ ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมี.ค. 2563