กลุ่มบางจากตีปีก Q3 ปี’66 กำไรสูงสุดในรอบ 39 ปี โชว์ 9 เดือนรายได้ 2.4 แสนล้าน

กลุ่มบริษัทบางจาก โชว์ไตรมาส 3 ปี 66 ทำกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้าน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปี

  • เปิดประตูสู่บริบทใหม่ 9 เดือน ปี’66 รายได้พุ่ง 2.4 แสนล้าน ทำ EBITDA 31,433 ล้านบาท
  • ชี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 นั้น สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจ

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวม 242,931 ล้านบาท มีEBITDA 31,433 ล้านบาท แม้ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันจะได้รับปัจจัยกดดันจาก Operating GRM ครึ่งปีแรกลดลงเพราะราคาน้ำมันลด แต่ได้การลงทุนและขยายธุรกิจส่วนอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ทั้งธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติธุรกิจพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งซื้อ บริษัทเอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นบริษัทย่อย และเริ่มรับรู้ผลดำเนินงาน ทำให้ 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทใหญ่กลุ่มบางจากฯ มีกำไรสุทธิ 14,210 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 10.09 บาท

เฉพาะไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งมา 39 ปี ทำได้ 11,011 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 7.91 บาท โดยมีรายได้ 94,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 39% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 20% มี EBITDA 13,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลมาจาก 4 ปัจจัยคือ

1.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้มี Inventory Gain 3,598 ล้านบาท2.ปริมาณการจำหน่ายของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3.ธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารับรู้การผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว เต็มไตรมาสและรับรู้ปริมาณการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น2 โครงการ และ 4.รับรู้ผลการดำเนินงานของเอสโซ่ (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 76.34 % ในงบการเงินรวม ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 เป็นต้นมา รวมถึงมีบันทึกกำไรพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อที่เกิดจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สิน (PPA) 7,389 ล้านบาท

ไตรมาส 3 ปี 2566 แต่ละกลุ่มธุรกิจของบริษัท บางจาก ฯ มีผลการดำเนินงานดังนี้

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 6,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 53% โดยค่าการกลั่นพื้นฐานไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก 14.67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นับเป็นระดับสูงกว่าค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์ที่ 9.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นฯ มีกำลังการผลิตเฉลี่ย 116.4 พันบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 97% ของกำลังการผลิต

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA 1,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 100% โดยปริมาณการจำหน่าย 1,571 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 13% เพิ่มขึ้นทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดอุตสาหกรรม เพราการผลักดันการจำหน่าย ขยายสถานีบริการ และส่งเสริมการตลาด และตลาดน้ำมันเครื่องบินฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาคท่องเที่ยว

กลุ่มที่ 3 ธุรกิจเอสโซ่ (ประเทศไทย) มี EBITDA 1,281 ล้านบาท ไตรมาส 3 ได้เริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานเอสโซ่(ประเทศไทย) ในงบการเงินรวมของบางจากฯ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 ซึ่งเดือนกันยายน 2566 โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา หยุดการผลิตเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนกับเพื่อติดตั้งและเชื่อมต่ออุปกรณ์โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 รวม 25 วัน

กลุ่มที่ 4 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 1,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 35 % และเพิ่มจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 10% เป็น EBITDA สูงที่สุดใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เพราะโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว กลับมาผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเต็มไตรมาส พร้อมกับรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 โครงการ) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยมีปริมาณจำหน่ายไฟเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

กลุ่มที่ 5 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 22 % และมากกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 100 % โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่ายเพิ่มตามแผนบริหารการขายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของบริษัท

กลุ่มที่ 6 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA 4,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 32 % โดยปริมาณจำหน่ายของ OKEA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 17 % จากปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นของแหล่งผลิตBrage และ Nova (ไตรมาส 2 ปี 2566 ไม่ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก 2 แหล่งนี้) ผนวกกับราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก ส่วน OKEA ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานภาครัฐของนอร์เวย์เดินหน้าขยายการลงทุนในแหล่ง Statfjord คาดธุรกรรมจะเสร็จสิ้นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สะท้อนอย่างชัดเจนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจ อันเกิดจากบางจากการวางรากฐานสร้างขีดความสามารถไว้ดี เป็นจุดเริ่มต้นบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ธุรกิจ ด้วยจุดยืนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะเอื้อบางจากฯ แสวงหาและคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จมากขึ้น โดยยังคงยึดมั่นหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและมุ่งนำธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่กับรักษาสมดุลของความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Energy Trilemma)

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen