กนอ. ย้ำ การพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3

  • เป็นไปตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ตามข้อกำหนด
  • พร้อมเดินหน้า 2 กองทุน ดูแลชุมชนในพื้นที่ทุกเรื่อง
  • ผ่านกลไกหลักประกันความเสียหายฉุกเฉินและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยหลังการยื่นหนังสือของ กลุ่มเรือประมงพื้นบ้าน อ.เมือง จังหวัดระยอง รวม400 ลำ เพื่อให้กนอ.ทราบถึงความเดือดร้อนจากโครงการถมทะเลชายฝั่งและจะต้องได้รับการเยียวยาซึ่ง กนอ.ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ได้ทำความเข้าใจเพิ่มเติมกับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งในข้อเท็จจริงการดำเนินงานของ กนอ.จะทำตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยระหว่างการก่อสร้างโครงการฯ ได้จัดให้มีมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งส่งเสริมด้านอาชีพ การศึกษา การอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น

ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าว กนอ.ได้จัดตั้งคณะกรรมการกำกับการติดตามตรวจสอบและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (คณะกรรมการไตรภาคี) และได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กองทุน คือ 1 กองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉิน เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายในการเยียวยาความเสียหายโดยเร็ว ผู้ที่ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการกองทุน ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และให้คณะกรรมการประชุมก่อนกำหนดเพื่อพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 2 กองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบรรเทาความเสียหายเบื้องต้นจากผลกระทบที่มีสาเหตุมาจากโครงการ

”การดำเนินงานของ2กองทุนเป็นไปตามข้อกำหนดของรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการกิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง (EHIA)”

ขณะเดียวกัน การมายื่นหนังสือของชาวประมงดังกล่าวจากการหารือ พบว่า ไม่ได้มีเป้าประสงค์ในการขัดขวางหรือประท้วง ไม่ให้มีการถมทะเล แต่ต้องการให้ภาครัฐพิจารณาดูแลชาวประมงพื้นบ้านระยอง ที่อาจได้รับผลกระทบในการประกอบอาชีพ ชาวประมงที่เข้ามายื่นหนังสือต้องการให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือแบบเดียวกับที่ทางท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ดำเนินการ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่าง กนอ.จึงต้อง หามาตรการที่เหมาะสมต่อไป

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3ของ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด ได้เข้าร่วมทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จังหวัดระยอง มีเนื้อที่ 1,000 ไร่ ที่จะเป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลว 16 ล้านตันต่อปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 12 ราย เป็นผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเฉพาะกิจ 9 ราย ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะ จำนวน 3 ราย ล่าสุด มีการใช้งานใกล้เต็มศักยภาพแล้วจึงมีความจำเป็นต้องขยายท่าเรือ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย

#Thejournalistclub #โควิด19#วัคซีนโควิด#การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย #กนอ.