กกร.ฝากความในใจถึง “รัฐบาล” ชี้วัคซีนคือหัวใจสำคัญสู้โควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ฝากถึงรัฐบาลในการแก้วิกฤติโควิด-19 ในประเทศ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรขับเคลื่อนเรื่องการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น โดยการอนุมัติวัคซีนชนิดใหม่ๆ ซึ่งถ้าหากยังมีปัญหาในการจัดหาวัคซีนต้านโควิด จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเอาไม่อยู่เพราะวัคซีนคือหัวใจหลัก ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เพื่อเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานบางอย่างให้สามารถคุมสถานการณ์วิกฤตในปัจจุบันได้

ด้านนายสุพันธุ์  มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)กล่าวต่อว่า ตอนนี้สถานการณ์กำลังแย่ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ติดลบ ขณะที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์แค่ 14 วันยังสาหัสขณะนี้ วันนี้เราต้องการให้วัคซีนเปิดกว้าง พยายามนำเข้ามาให้มากที่สุด ไม่ใช่รอให้ผู้ผลิตวัคซีนมาขึ้นทะเบียนอย่างเดียว และควรเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีเครือข่ายเข้ามาช่วยจัดหาวัคซีนอีกทางด้วย

ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทย ต้องการวัคซีนเดือนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านโดส แต่วันนี้การฉีดวัคซีนของประเทศไทยติดลบไปมาก ไกลเป้าหมายที่กำหนดไว้ว่าจะไปถึง 100 ล้านโดสในสิ้นปี โดยในหนึ่งวันจะต้องฉีดวัคซีน 500,000-600,000 โดส แต่วันนี้ประเทศไทยฉีดวัคซีนได้แค่ 200,000-300,000 โดสเท่านั้น ในขณะที่สถานที่ฉีดวัคซีน 25 จุดก็ยังว่างอยู่

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจพังไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้ภาคเอกชนกังวลเป็นอย่างมาก เราช่วยตัวเองเต็มที่อยู่แล้ว ส่วนสิ่งที่รัฐบาลจะเข้ามาเสริมหรือช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระรัฐบาลต้องตัดสินใจให้รวดเร็ว เช่น Rapid Antigen Test Kit (ATK) หรือ ชุดตรวจโควิดรู้ผลเร็วเพื่อตรวจเชื้อ จะต้องนำเข้ามาให้เร็วที่สุด เนื่องจากจะช่วยระงับและลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้  ส่วนผู้ที่ตรวจพบเชื้อโควิดแล้ว สามารถกักตัวในโรงแรมเล็กๆ หรือโรงแรมตามต่างจังหวัดได้ ใ

ขณะที่สาธารณสุขต้องเข้ามาให้คำแนะนำ และส่วนไหนที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายรัฐควรจะต้องพิจารณาช่วยเหลือโดยเร็ว ส่วนการทำ Home Isolation หรือ การรักษาตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งพบเชื้อ และมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล (Bubble & Seal) ภาครัฐจะต้องลงมาให้ความรู้ประชาชนด้วยว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไร

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.news1live.com