นายปฐม เฉลยวาเรศ รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กล่าวว่า ปัจจุบัน ทช.มีถนนโครงข่ายในความรับผิดชอบทั่วประเทศ จำนวน 3,267 สายทาง ระยะทางรวม 47,960 กิโลเมตร (กม.) สำหรับในปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมา ทช.ได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 46,786 ล้านบาท สิ้นปีงบประมาณ 2562 เบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน 40,865 ล้านบาท คิดเป็น 87.35%
ทั้งนี้โครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ ถนนทางหลวงชนบทสายบ้านสระน้อย – บ้านปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, โครงการก่อสร้างทางต่างระดับข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 37 เชื่อมระหว่างทางหลวงชนบทสาย ปข.2052 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึงโครงการขยายถนนราชพฤกษ์ระยะที่ 2 (ตอนที่ 3) ช่วงถนนรัตนาธิเบศร์ – ทล.345 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2562
สำหรับในปีงบประมาณ 2563 ทช.ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ 48,005 ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการตามภารกิจและนโยบายของรัฐบาล อาทิ ถนนลูกรังเป็นถนนลาดยางหรือคอนกรีต ถนนเพื่อการแก้ไขปัญหาจราจรในปริมณฑลและภูมิภาค , ถนนในเขตผังเมืองรวม, ถนนสนับสนุนการท่องเที่ยว, ถนนเพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่ง, ถนนเพื่อสนับสนุนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EEC และเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
นอกจากนี้ ทช.ยังมีโครงการพัฒนาสานต่อนโยบายรัฐบาล คือการผลักดันเส้นทางถนนเลียบชายฝั่งภาคใต้ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว หรือโครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า จากที่ก่อนหน้านี้ ทช.ได้พัฒนาถนนเลียบชายฝั่งจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ความยาวประมาณ 500 กม.แล้วเสร็จ โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างจัดสรรงบประมาณปี 2563 เพื่อเริ่มต้นศึกษาความเหมาะสมของเส้นทางต่อขยาย พร้อมจัดทำวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายใต้งบประมาณปี 2564
นายปฐม กล่าวว่า สำหรับแนวเส้นทางส่วนต่อขยาย ทช.จะศึกษาความเหมาะสมพัฒนา 2 เส้นทาง ได้แก่ สมุทรปราการ – สมุทรสงคราม เพื่อต่อกับเส้นทางเลียบชายฝั่งเฟสแรก และ 2. เชื่อมต่อจากแนวเส้นทางเดิน เริ่มที่จังหวัดสงขลา – นราธิวาส เพื่อเพิ่มโอกาสการเดินทางท่องเที่ยวลงภาคใต้ ขณะเดียวกันยังจะศึกษาถนนเลียบชายฝั่งตะนาวศรี เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลอันดามันเพิ่มเติม