WHO จี้จีนเปิดเผยข้อมูลแท้จริงผู้ติดเชื้อโควิด-19

.ชี้ข้อมูลที่เปิดเผยออกมาไม่สะท้อนความเป็นจริง
.เหตุมีผู้ติดเชื้อ-ตายต่ำกว่าสถานการณ์ระบาดที่รุนแรง
.”ไบเดน” ขย่มซ้ำจีนยังไม่พร้อมเปิดประเทศขนาดนั้น

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) เผยข้อมูลโควิด-19 ที่จีนเปิดเผยออกมานั้น ไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศ โดยแสดงตัวเลขผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น สำหรับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ WHO เตรียมประชุมกับนักวิทยาศาสตร์จีนอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค. ภายใต้การสรุปสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกให้กับบรรดาประเทศสมาชิก “เราเชื่อว่าตัวเลขปัจจุบันที่จีนเปิดเผยออกมานั้น ไม่สะท้อนผลกระทบที่แท้จริงของโรค ทั้งในแง่ของอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาล อัตราการเข้าหออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของอัตราการเสียชีวิต”

นายแพทย์ไรอัน ระบุว่า WHO เชื่อว่า นิยามการเสียชีวิตจากโควิด-19 ของรัฐบาลจีนนั้น “แคบเกินไป” พร้อมเสริมว่า “จนถึงขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์” ทั้งนี้ ช่วงปลายเดือนธ.ค.65 จีนได้ปรับคำจำกัดความการเสียชีวิตจากโควิด-19 ให้แคบลง โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตจากอาการปอดอักเสบ หรือภาวะหายใจล้มเหลวเท่านั้น ขณะเดียวกัน นายแพทย์เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ย้ำว่า “WHO มีความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน จึงเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลเร่งด่วนและสม่ำเสมอเกี่ยวกับการรักษาตัวในโรงพยาบาล การเสียชีวิต รวมถึงการจัดลำดับพันธุกรรมไวรัสตามเวลาจริง

“WHO กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มีต่อชีวิตของผู้คนในจีน และขอย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน ซึ่งรวมถึงเข็มกระตุ้น เพื่อป้องกันการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล การป่วยหนัก และการเสียชีวิต”

ส่วนการที่บางประเทศออกมาตรการต่างๆ เช่น ตรวจหาเชื้อนักเดินทางจากจีน เพื่อปกป้องพลเมืองของตนเอง ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อในจีนพุ่งสูงมาก ทั้งยังไม่มีข้อมูลที่ครอบคลุม ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับการรับมือโควิด-19 ในจีนเช่นกัน โดยระบุว่า “พวกเขาไม่พอใจมากเมื่อเราบอกว่า พวกเขายังไม่พร้อมขนาดนั้น”

สำหรับความเห็นจาก WHO เกี่ยวกับการให้ข้อมูลไม่เพียงพอนั้น เป็นหนึ่งในความเห็นที่รุนแรงที่สุด และอาจทำให้จีนมีความเคลื่อนไหวบางอย่างในระหว่างการแถลงข่าวตามปกติของกระทรวงต่างประเทศจีนในวันที่ 5 ม.ค.