“VMPC” มองเศรษฐกิจทรุดฉุดอสังหาฯ อ่วมข้ามปี!

  • หวั่นภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เทรดวอร์สหรัฐฯ–จีน สะเทือนเศรษฐกิจไทย
  • มองธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึมยาวต่อเนื่องถึงปี 2563
  • เชื่อมาตรการด้านภาษี–ลดค่าโอน–จดจำนอง กระตุ้นเศรษฐกิจได้

นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่า เปิดเผยว่า จากบทวิเคราะห์ของต่างประเทศที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ทั้งด้านการผลิต การค้า แรงงาน การบริโภค และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงถึง 2.8% ในไตรมาส 4/2562 และจะเติบโตต่ำกว่า 3% คงที่ไปจนถึงไตรมาส 2/2563 

รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากประเทศไทยมีรายได้หลักจากการส่งออก โดยหากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คงอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องไปถึงปี 2563 อย่างไรก็ตาม การที่ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยเฉพาะระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนจะช่วยส่งเสริมให้การจ้างงาน แต่สิ่งที่น่าวิตกคือหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีผลกระทบต่อกำลังซื้อและเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ 

สำหรับมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในขณะนี้คือ การลดค่าธรรมเนียมการโอน
ค่าจดจำนอง และมาตรการด้านภาษีให้ครอบคลุมตลาดที่อยู่อาศัยทุกระดับอย่างเท่าเทียมกันซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และการให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 200,000 บาท สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มีราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเฉพาะบางกลุ่ม นอกจากนี้ นโยบายคุมเข้มสินเชื่อบ้านด้วยมาตรการแอลทีวี ทำให้ผู้ที่อยากมีบ้านเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น ในขณะที่บ้านราคา 30–40 ล้านบาท สำหรับผู้มีกำลังซื้อสูงตอนนี้มีอยู่มากพอสมควร และที่สำคัญคือคนกลุ่มนี้สามารถซื้อบ้านด้วยเงินสด แต่ไม่มีเหตุจูงใจในการซื้อ 

นายปริญญา กล่าวว่า บริษัทเองทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่า ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจ โดยในส่วนของอสังหาฯเพื่อขาย เน้นพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพ ติดถนนสายหลัก เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง อาทิ โครงการ “แอสเทรา ไพรด์” บ้านเดี่ยว 3 ชั้น อยู่ต้นถนนพระราม 2 กม. 0.4 ราคาเริ่มต้น 38 ล้านบาท และโครงการ “แอสเทรา เบลส”  ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ติดถนนพระราม 2 กม.5 ราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท 

ซึ่งทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่โซน A ของถนนพระราม 2 ที่เริ่มตั้งแต่ถนนสุขสวัสดิ์–วงแหวนรอบนอก ซึ่งเป็นโซนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาจราจรติดขัดการคมนาคมสะดวกสบายด้วยทำเลที่เชื่อมต่อจุดสำคัญ ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร ทางด่วนกาญจนาภิเษก–บางปะอิน และยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการทางด่วนพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตกที่อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2565 

สำหรับธุรกิจอสังหาฯให้เช่า “โอ๊ควู๊ด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนท์ ศรีราชา” โรงแรมระดับ 5 ดาว
สูง 50 ชั้น บนเนื้อที่ 12 ไร่ ใจกลางอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน ม.ค. 2562 ได้กระแสตอบรับอย่างดียิ่งจากนักท่องเที่ยวและคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ  ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักกว่า 50% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 40% ด้วยจุดเด่นการเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ พร้อมมาตรฐานบริการระดับโลกบนทำเลที่ดีที่สุด ทั้งยังตั้งอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย อยู่ห่างจากท่าเรือแหลมฉบังประมาณ 15–20 กิโลเมตร

“ปัจจุบันรายได้จากการเช่าเพิ่มสูงขึ้นจากอัตราการเข้าพักของโครงการโอ๊ควู๊ดฯ ทั้งนี้การที่บรษัทโฟกัสกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับบน ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจซบเซามากนัก อีกทั้งการดำเนินโมเดลธุรกิจแบบ 2 ขา ทั้งอสังหาฯ เพื่อขายและให้เช่า ยังเป็นการบริหารความเสี่ยงในการทำธุรกิจ ประกอบกับการทำธุรกิจของบริษัทยึดหลักทำแบบรอบคอบและค่อยเป็นค่อยไป ทำให้บริหารความเสี่ยงได้ดี”