“UNHCR”เผยผู้ลี้ภัยทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

.สิ้นปี 64 มีผู้ลี้ภัย 89.3 ล้านคนและคาดเพิ่มขึ้นอีกในปี 65

.เหตุสงคราม ความขัดแย้ง กดขี่ข่มเหง สิทธิมนุษยชน

.ชี้วิกฤติอาหารจากสงครามยูเครนยิ่งทำคนทิ้งบ้านเกิดมากขึ้น

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยว่า วิกฤติความมั่นคงทางอาหาร ผลพวงจากสงครามยูเครน ผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากในประเทศยากจน ต้องหลบหนีออกจากบ้านเกิด ส่งผลให้ระดับการพลัดถิ่นทั่วโลก (global displacement) พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รายงานจาก UNHCR ระบุว่า ในช่วงสิ้นปี 64 ประชาชนราว 89.3 ล้านคนทั่วโลกต้องถูกบังคับให้พลัดถิ่น ซึ่งเป็นผลจากการกดขี่ข่มเหง ความขัดแย้ง การล่วงละเมิด และความรุนแรง และในปี 65 ประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคนต้องหลบหนีออกจากประเทศ หรือกลายเป็นผู้พลัดถิ่นอยู่ตามแนวชายแดน นอกจากนี้ ราคาอาหารที่พุ่งขึ้น เนื่องจากการส่งออกธัญพืชที่หยุดชะงักนั้น จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการพลัดถิ่นในประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น

นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า “หากต้องเผชิญกับวิกฤติความมั่นคงทางอาหารไปพร้อมกับปัญหาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสงคราม สิทธิมนุษยชน และสภาพอากาศ จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้แนวโน้มการพลัดถิ่นเพิ่มขึ้นอีก โดยผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้จะยิ่งชัดเจนขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ซึ่งในขณะนี้ มีผู้ลี้ภัยจำนวนมากขึ้น จากผลของราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น และการใช้ความรุนแรงในภูมิภาคซาเฮล (Sahel) ของแอฟริกา”

นอกจากนี้ นายกรันดี ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ “การผูกขาด” การส่งมอบทรัพยากรต่างๆ ให้กับยูเครน หรือการที่ประเทศพันธมิตรทุ่มส่งความช่วยเหลือให้กับยูเครน ในขณะที่การช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นจากประเทศอื่นๆ ได้รับเงินทุนสนับสนุนไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ รายงานของ UNHCR ชี้ว่า จำนวนผู้พลัดถิ่นเพิ่มขึ้นทุกปีตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับในปี 55 ซึ่งมีผู้พลัดถิ่น 42.7 ล้านคน