

• ร่ำรวยบนความยากจนของคน
• หาช่องทางล่อเหยื่อเข้าถ้ำเสือ
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวที่กลายเป็นคดีความใหญ่ๆเกิดขึ้นหลายเรื่อง ทั้งการ บ้าน การเงิน และการเมือง…ช่างสมกับการเป็นเดือนแห่งการปล่อยผี จริงๆ
เอาเหอะ เรื่องไหนจะสำคัญเท่ากับเรื่องที่ทำให้คนไทยได้รับความเสียหาย(อีก)ได้ เท่ากับเรื่องอื้อฉาวอันดับ 1…ของ“บริษัทดาราขายตรง” ไม่มีแล้ว
หะแรกก็ดูเหมือน “ฝ่ายดารา” จะตกกระไดพลอยโจนคล้ายๆ กับการไปรับจ้างเป็น “พรีเซ็นเตอร์” ไลฟ์สดขายทองจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง”
แต่เอาไปเอามา ดารารุ่นใหญ่ และมีชื่อเสียงหลายคน กลับไปร่วมดำเนินกิจการกับเขา โดยรับตำแหน่งแห่งที่เป็นผู้บริหารด้านการตลาด ด้านสื่อสารองค์กร และด้านการค้นคว้าวิจัย เป็นต้น
บรรดาดาราที่เข้าไปพัวพันกับบริษัทนี้ ชักแถวออกมาแถลงข้อเท็จจริงกันแล้ว แต่ส่วนใหญ่ “เด้ง” หนีความรับผิดชอบว่า พวกเขาเป็นแค่ “พรีเซ็นเตอร์”ให้เท่านั้น และทุกคำที่พูด ก็พูดไปตามสคริปที่บริษัทให้มาโดยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด และไม่รู้ด้วยว่า บริษัททำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายบานปลายไปถึงขั้นนี้
• ดารา-นักแสดงหลงผิดในสาระสำคัญ
• ”เงิน” ซื้อความไว้างใจจากผู้ดู ผู้ชม ไม่ได้
ย่าว่า ตรงนี้ ดาราทั้งหลายน่าจะเกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญระหว่างการรับ จ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ กับการกินเงินเดือนในตำแหน่ง “บอส” ผู้รับผิดชอบงานด้านการตลาดก็ดี สื่อสารองค์กรก็ดี ตลอดจนถึงด้านการค้นคว้าวิจัยก็ดีเป็นต้น
สาระสำคัญที่ใหญ่กว่า “เงิน” และอะไรก็ซื้อไม่ได้คือ ความน่าเชื่อถือที่ได้รับจาก
ผู้ดู ผู้ชม หรือแฟนคลับที่เขาชอบคุณ รักคุณ ไว้วางใจ และเชื่อถือในตัวคุณ
ผู้ดู ผู้ชม เหล่านี้ ไม่รู้ และไม่สนหรอกว่า เวลาคุณอยู่นอกจอ คุณจะมีนิสัยอย่างไร เขาแค่ชอบคุณตามบทที่คุณรับมาจากผู้กำกับ โดยเฉพาะในบทบาทของการเป็นพระเอก นางเอก
ความเชื่อถือในตัวคุณนี่เองที่นำพาผู้ดู ผู้ชม เข้าไปเป็นลูกข่ายของบริษัทด้วยการยอมจ่ายเงินที่เก็บหอมรอมริบมาจำนวนมากให้กับคำพูดเชิญชวนของพวกคุณ
• ชำแหละเนื้อในธุรกิจ ดิไอคอนกรุ๊ป
• พบการร้องเรียนจากปชช.ตั้งแต่ปี 61
เอาละ ทีนี้มาพูดให้ชัดเลยว่า บริษัทที่ว่านี้คือใคร ทำอะไรจึงสร้างความเสียหายให้แก่ผู้คนมากมาย…บริษัทนี้มีชื่อว่าดิ ไอคอน กรุ๊ป (iCON Group) ซึ่งจดทะเบียนโดย นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล
เรื่องราวมีอยู่ว่า มีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ เพื่อให้เอาผิดกับ ดิไอคอน กรุ๊ป หลังจากชักชวนให้ไปร่วมลงทุน แต่ทำให้ผู้ลงทุนสูญเงินไปเป็นหลักแสน หลักล้านบาท
ประเด็นนี้ มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ตั้งแต่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ไปจนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในรายการของ “หมาแก่ กับ แมวสาว” เปิดเผยปูมหลังของเรื่องนี้ว่า เกิดขึ้นตั้ง แต่ปี 2561 ขณะนั้น ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง ของ สคบ. ทำหนังสือถึง เลขาธิการ สคบ. เพื่อรายงานข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการทำธุรกิจของ ดิไอคอนกรุ๊ป และขอเข้าตรวจสอบการทำธุรกิจว่า เข้าข่ายการทำ ธุรกิจขายตรง หรือ แชร์ลูกโซ่ กันแน่!
หลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้คนว่า ทำธุรกิจผิดปกติ และมีกฏกติกาที่สลับซับซ้อน ตั้งแต่เปิดการเรียนการสอนทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ จากราคาค่าเรียน
98 บาทต่อคอร์ส กลับกลายเป็นการต้องจ่ายค่าเรียนเพิ่มขึ้น จ่ายค่าจองสิทธิ เพื่อสั่งซื้อสินค้า แต่ไม่สามารถขายสินค้าได้เลยเพราะบริษัทเอาเปรียบทุกด้าน
เมื่อได้มีการตรวจสอบก็ได้พบว่า มีความไม่ชอบมาพากลจริงเลขาธิการ สคบ.จึงทำหนังสือ 3 ฉบับ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สตช.และอย.ร่วมตรวจสอบว่าดิไอคอนเข้าข่ายทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ และคนไทยหรือไม่
โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า การทำธุรกิจนี้เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ และการโฆษณาในลักษณะนี้ทำได้หรือไม่ เพื่อให้สตช. เข้าดำเนินคดี
• รำลึกคดีแชร์ลูกโซ่ของ “แม่ชม้อย”
• อดีต…ไม่เคยให้บทเรียนคนโลภ
ย่าขอคั่นตรงนี้สักนิด เพราะถ้าคดีนี้ กลายเป็นคดี “แชร์ลูกโซ่” เหมือนคดี “แชร์แม่ชม้อย” ในปี 2517 ที่ว่ากันว่า โกงเงินประชาชนคนไทยไปสูงถึง 8,000 ล้านบาท จนมีผลให้ศาลสั่งจำคุกสะท้านเมืองถึง 150,000 ปี ล่ะก็ หลายคนอาจจะต้องไปจบชีวิตการสร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ของคนจนแน่นอนในสภาพไม่ต่างกันแน่นอน!
กลับมาที่เรื่องของ ดิไอคอน หลังจากมีความพยายามจาก เลขาธิการ สคบ.ขณะนั้นเพื่อหยุดพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายหลอกลวงประชาชน แต่เอาไปอามา เรื่องกลับเงียบหายไปเฉยๆ
กระทั่งมาพบอีกครั้ง ก็เมื่อมีผู้เสียหายจากการทำธุรกิจของ ดิไอคอน จำนวนมากคนเหล่านี้บางส่วนได้ร้องเรียนเข้าไปในรายการ “โหนกระแส” ของ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” และบางส่วนพากันไปหากลุ่มทนายความ และผู้รับเรื่องร้องทุกข์จากชาวบ้านเพื่อขอให้ร่วมทำคดีที่พวกเขาถูกฉ้อโกง
ย่าอยากจะเรียกคนที่รวมตัวกันมาช่วยชาวบ้านครั้งนี้ว่า ซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีกันอยู่ 7 คน เริ่มจาก หนุ่ม กรรชัย , กัน จอมพลัง,ทนายเดชา จุ๊กกรู, ทนายตั้ม ,อี้ แทน คุณ, ทนายรณรงค์ แก้วเพชร และ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง
ทีนี้ มาดูกันว่า ดิไอคอนกรุ๊ป ทำธุรกิจที่สร้างความเสียหายให้แก่ผู้คนอย่างไร จากการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนหลายสำนักของเหล่าผู้เสียหาย…
“เริ่มจากการเห็นโฆษณาทางทีวี และยิงแอดโฆษณาในเฟสบุ๊คว่า เขาจะเปิดสอนการทำธุรกิจผ่านออนไลน์ฟรี 50 หรือ100 คนแรก จากนั้น คิดราคาค่าสอนทำเพียง คนละ 98 บาท”
หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อรายหนึ่ง ระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ผู้คนไม่มีรายได้เพราะมีการประกาศเขตควบคุมการระ บาดด้วยการปิดโรงเรียน และ สถานที่ทำงานหลายแห่ง ทำให้ขายสินค้าไม่
ได้เลย
นั่นมีผลทำให้พวกเธอต้องมองหาทางออกอื่นในการประกอบอาชีพเพื่อช่วยกันหาเลี้ยงครอบครัว และที่สุดก็มาพบการเปิดให้สมัครเรียนคอร์สทำธุรกิจผ่านออน ไลน์ และถ้าใครอยากทำธุรกิจ ก็สามารถร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทได้
• ออกอุบาย-ใช้เล่ห์กลล่อเหยื่อ
• เปิดสอนทำธุรกิจทางออนไลน์
“ช่วง 2 วันแรกคือการสอนให้ค้าขายทางออนไลน์ แต่วันที่ 3 มีระดับแม่ทีมลงมาสอนผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจ เพื่อสร้างรายได้อีกกระเป๋าหนึ่งโดยแจ้งว่า ไม่ต้องสต็อคสินค้าเลย เพราะหลังบ้านมีระบบซัพพอร์ตให้หมด…”
เมื่อลงเรียนแล้ว ก็มีผู้เรียนถามว่า ถ้าอยากเรียนรู้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น จะได้เรียนอะไรบ้าง ได้รับคำตอบว่า ต้องเสียค่าสมัคร 2,500 บาท จะได้เข้าไปเรียนในแพลต ฟอร์มออนไลน์ของบริษัทได้ เธอ กับพวกจึงจ่ายไป
หลังจากนั้นโค้ช ได้เรียกเธอเข้าไปเรียน เมื่อเรียนเสร็จ จะมีครูพี่เลี้ยง โค้ช และแม่ทีม ช่วยกันประกบเธอ กับเพื่อนเพื่อถามว่า ถ้าจะทำธุรกิจบนแพลตฟอร์มของบริษัท ควรซื้อแพคเกจราคา 250,000 บาทไปเลย
จะทำให้พวกเธอมีรายได้จากหลายทาง และหากสามารถหาคนมาเรียนเพิ่มในสายได้อีก จะยิ่งเพิ่มรายได้ที่มากขึ้นนอกจากนี้ ยังสามารถกระจายสินค้าที่มีอยู่ (10 ลัง) ผ่องถ่ายไปให้คนใหม่ หรือ ลูกทีมที่สนใจจะทำธุรกิจได้ด้วย ถึงตอนนั้นพวกเธอจะสามารถเรียนแบบก้าวกระโดดไปได้ตลอดชีวิตผ่านแพลตฟอร์มของบริษัท
“เรายังไม่มั่นใจจะลงเงิน จึงเรียนกันไปสักระยะ ระหว่างนั้น บริษัทจัดงานชุมนุมทุกเดือน ก็จะมีแม่ทีมเชิญชวนไปร่วมงานว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จทางด้านออนไลน์ จะไปรวมตัวกันในงานนี้ ถ้าไปจะได้รับรู้สิ่งต่างๆ ที่อาจเปลี่ยนชีวิตได้ เราจึงตัดสินใจไปกัน…
• ชี้ชัด ดารา-นักแสดง สลับกันขึ้นเวที
• การันตีบริษัท คุณภาพสินค้า ระบบหลังบ้าน
ในงานมีดารา นักแสดงชื่อดังขึ้นมาบนเวที มาการันตีความเชื่อมั่น ทำให้เรารู้สึกว่า บริษัทนี้มีระบบรองรับดี ได้รับรู้สิ่งดีๆ ตั้งแต่ไม่ต้องสต็อคสินค้า ไปจนถึงระบบการตลาดที่ดีจากดาราแถมให้ด้วย ขณะที่สินค้าของเขาก็ดีด้วย เพราะมีหมอ และคนอื่นๆมาช่วยกันตอบคำถามไม่ว่า คุณจะอยากค้าขายสินค้าใด”
กระนั้น พวกเธอก็ยังไม่ตัดสินใจ เพราะเงินไม่พอ แต่ระหว่างอยู่ในงานที่มีเป็นประจำทุกเดือน แม่ทีมใหญ่จะเรียกรวมพลแต่ละห้องเข้าฟัง บอส ที่รับผิดชอบงานด้านต่างๆ มาพูด ใครอยู่สายไหนก็เข้าไปประชุมสายนั้น พร้อมกับตอกย้ำว่า ถ้า ตั้งใจจริงๆ ก็ย่อมทำได้
แต่ความตั้งใจที่ว่านี้ กลับไม่ใช่การทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ร่วมกัน หากแต่เป็นการหาคนเข้ามาเรียนเพิ่มขึ้นๆเพราะการจะก้าวขึ้นเป็นแม่ทีมในระดับต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงแพลตฟอร์มของบริษัท จำเป็นต้องหาคนเข้ามาเรียนให้ได้มากที่สุด
และแม้จะมีทุนไม่พอ แม่ทีมก็จะแนะนำให้โทรหาแบงก์เพื่อขอขยายวงเงินในบัตรเครดิตจะได้สามารถซื้อแพคเกจใหญ่ข้างต้นได้
แม่ทีมมักจะบอกว่า ถ้าไม่ลงทุนในช่วงที่มีโปรดีๆ เช่น ได้ไปเที่ยวเกาหลี มี cash back คืนให้อีกจากการเปิดดีลเลอร์คนที่เปิดจะได้ส่วนแบ่งอีกเยอะเป็นผลกำไร
การตัดสินใจรูดบัตรจึงเกิดขึ้น แม้จะถามตัวเองว่า ฉันทำอะไรลงไป แต่ด้วยเวลานั้น บรรยากาศมันพาไป ในขณะที่หลายๆ คนร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น เธอจึงตัดสินใจลงทุนไป
“เอาจริงๆ ครั้งแรกจ่ายไป 2,500 บาท เป็นค่าเรียน ครั้งที่สอง อยากเรียนแบบก้าวหน้ามากขึ้น ต้องจ่ายอีก 25,000 บาท ครั้งที่สามไปปิดจบที่งานเลี้ยงอีก 250,000 แต่เมื่อจ่ายเงินแล้ว เขาจะให้เราไปหาดาวน์ไลน์เพิ่มด้วยการให้สคริปไปชวนคนเข้ามาเรียนคอร์สออนไลน์ มีลำดับการพูดคุยเพื่อโน้มน้าวให้มาเรียน และรับสินค้าของเราไปกระจายอีกที”
• บริษัทเน้นหาดาวน์ไลน์เข้าเรียนออนไลน์
• เก็บทุกเม็ดค่าแอด รายชื่อ เบอร์โทร ลูกค้า
ปัญหามีมากกว่านี้ก็เมื่อจ่ายเงินซื้อแพคเกจใหญ่แล้ว พวกเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่า จะต้องเสียค่ายิงแอดโฆษณาเอง เพื่อหาคนเรียน และซื้อแอดเพื่อโฆษณาสินค้าที่เธอจะนำไปขาย…แม่ทีมมักจะบอกว่า ถ้าขายปลีกได้กำไรน้อย จึงต้องหาเป็นกลุ่มเข้ามา จะได้ยกสินค้าเป็นลังๆไป
ถ้าปิดจบได้ 5 คนก็จะได้เงิน 1 ล้านบาทโอนเข้าไปให้บริษัท ส่วนพวกเธอจะได้ขึ้นตำแหน่งเป็น โปร–ดีลเลอร์ ซึ่งจะได้ส่วนแบ่งเป็นต้นทุนซื้อสินค้าที่ราคาถูกลง
เมื่อถูกถามว่า ได้กำไรกี่เปอร์เซ็นต์ เธอตอบว่า ถ้าราคาสินค้าเช่น ครีม ราคาขวดละ 1,900 บาท พวกเธอจะสามารถซื้อครีมได้ในราคาต่ำกว่าคือ 1,450 บาท ส่วนที่ได้ลดราคาไป เขาให้ถือเป็นกำไร
การเข้าซูมไปร่วมประชุม ก็ได้รับคำชี้แนะว่าจะต้องเข้าทุกวัน ไม่เช่นนั้นจะพลาด
สิ่งดีๆ ไป แต่ด้วยเห็นว่าไม่มีอะไรงอกเงย จึงเข้าไปเฉพาะเมื่อมีคนเปิดดีลเลอร์ใหม่ในเดือนนั้นๆ เท่านั้น
ตลอดเวลาการเรียนที่ต่างคาดหวังว่า จะมีสิ่งที่แอดวานซ์มากขึ้นเพื่อให้การขายสินค้ามีกำไร ก็กลับกลายเป็นว่า เขาต้องการให้หาคนเข้ามาเรียนมากกว่าจะขายสินค้า สำคัญคือ ถ้าจะขายสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่งใน 15 อย่างที่เขามีพวกเธอต้องเสียเงินค่าแอดในแพลตฟอร์มของบริษัทเอง
ยังมีเรื่องแย่ๆ กว่านั้นก็คือ ถ้าพวกเธออยากได้รายชื่อคนเข้าเรียนใหม่ๆ เป็นดาวน์ไลน์ จะต้องเสียเงินให้บริษัทในราคาชื่อละ 500 -1,000 บาท ถ้าอยากได้ 5 คน อาจต้องจ่ายถึง 10,000 บาทหากรายชื่อนั้น มีโอกาสโน้มน้าวได้สูง
“คนที่สนใจเข้ามาเรียนออนไลน์ด้วยการติดต่อเข้าไปที่บริษัท บริษัทจะนำรายชื่อและเบอร์โทรมาขายให้ มันจึงมีต้นทุนที่ต้องจ่ายอยู่ตลอดเวลา เหมือนเฉือนเนื้อตัวเองออกไปทุกวัน โดยไม่ได้อะไรกลับมา…
พอเราจะขอถอนตัว แม่ทีม จะบอกให้พวกเธอเอารถไปจำนำ จะมีเงินไว้ยิงแอดเพื่อหาดาวน์ไลน์ได้มากขึ้น เขาว่า ถ้าไม่หาคนมาเรียน ก็เท่ากับทำการตลาดได้ 0 บาท “มันต้องมีเพื่อนพี่ หรือคนรู้จักสักคนที่สนใจ ถ้าพี่ขยันโทรหาเขาให้เข้ามาเรียนได้ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะจะมีคนช่วยปิดการขายให้”
• วางแผนหาเงินจากประชาชนผู้หลงเชื่อ
• ตั้งใจทำธุรกิจล้วงเอาเงินจากกระเป๋า
กลับมาดูผลการสอบเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ถูกหยุดไว้ ไม่ดำเนินการใดๆ ต่อกันอีกทีว่า ดิไอคอน แจ้ง สคบ.ว่า เขาทำธุรกิจอะไร
สคบ.รายงานว่า นายวรัตน์พล ขอทำธุรกิจขายตรง และตลาดแบบตรงเมื่อวันที่ 13 มิ. ย.61 มีรายละเอียดระบุว่า1.บริษัทเปิดรับสมัครผู้จัดจำหน่าย โดยให้ผู้สนใจเป็นผู้จัดจำหน่ายสามารถแจ้งความจำนง หรือ จองสิทธิเป็นผู้จัดจำหน่ายในระดับที่บริษัทได้กำหนดให้ แบ่งเป็น
ผู้จัดจำหน่ายรายย่อย ได้แก่ Distributor, VIP Distributor ,Dealer และผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ ได้แก่ Exclusive Dealer
2.การจองสิทธิเป็นผู้จำหน่ายมี 2 ระดับได้แก่ Dealer ต้องชำระค่าจองสิทธิเป็นจำนวน 50,000 บาท และระดับExclusive Dealer ต้องชำระค่าจองสิทธิเป็นจำนวน 100,000 บาท โดยค่าจองสิทธิถือเป็นส่วนหนึ่งของการชำระค่าสินค้าก่อนวันที่จะมีการส่งมอบสินค้า
3.เมื่อบริษัทประกาศช่วงเปิดรับคำสั่งซื้อสำรับผู้จัดจำหน่ายในระดับต่างๆแล้ว ผู้จัดจำหน่ายจะต้องเข้าไปเปิดใบสั่งซื้อและชำระเงินค่าสินค้างวดแรก 30% ของมูลค่าที่รวมภาษีแล้วตามใบสั่งซื้อ
4.บริษัทกำหนดปริมาณ ราคา และผลตอบแทนอื่นๆเป็นรายการส่งเสริมการขายให้แก่ผู้จำหน่ายในแต่ละระดับ โดยมีการแจกทองคำ และตั๋วเครื่องบินสำหรับการท่องเที่ยว เป็นต้น
สำหรับการเปิดรับสมัครผู้จัดจำหน่ายโดยการจองสิทธิเป็นผู้จำหน่าย 2 ระดับได้ แก่ 1.ระดับ Dealer ต้องชำระค่าจองสิทธิเป็นเงิน 50,000 บาท โดยต้องซื้อสิน ค้าจำนวน 500 ถึง 3,000 กล่อง เป็นเงิน 205,000 ถึง 1,080,000 บาท
และจะได้รับผลตอบแทนตามรายการส่งเสริมการขายที่บริษัทกำหนดไว้ เช่น ทอง คำ ตั๋วเครื่องบินสำหรับท่องเที่ยวและเงินสด เป็นต้น
2.ระดับ Exclusive Dealer ต้องชำระค่าจองสิทธิเป็นเงิน 100,000 บาท โดยต้องซื้อสินค้าจำนวน 5,000 ถึง60,000 กล่อง เป็นเงิน1,750,000 ถึง 18, 000,000 บาท และจะได้รับผลตอบแทนตามรายการส่งเสริมการขายที่บริษัทกำ หนด เช่น ทองคำ ตั๋วเครื่องบินสำหรับการท่องเที่ยว และเงินสด เป็นต้น
• สคบ.ระบุ ความผิดตามกม.แชร์ลูกโซ่
• พรก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
สคบ.มีความเห็นว่า ข้อกำหนดในการเปิดรับผู้จัดจำหน่ายโดยการจองสิทธิเป็นผู้จำหน่าย ซึ่งกำหนดจะต้องชำระค่าจอง และต้องซื้อสินค้าโดยมีสัญญาว่าบริษัทจะจ่ายผลตอบแทนเป็นทองคำ ตั๋วเครื่องบิน และเงินสด เป็นต้นนั้น
มีลักษณะเป็นการลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทน อีกทั้งยังมีการโฆษณาหรือประกาศให้เป็นที่ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทำการใดๆให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปว่าในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใด จะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบ แทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฏหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
นี่จึงอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 4 แห่งพรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อ โกงประชาชน พ.ศ.2517 ซึ่งมีบทกำหนดลงโทษตามมาตรา 12 คือ จำคุกตั้ง แต่ 5 ปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ 500,000 – 1,000,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ พร้อมเห็นควรให้ส่งเรื่องไปยังสำนัก งานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
• ยอดผู้เสียหายพุ่งเป็น 630 ราย
• คิดเป็นมูลค่าล่าสุด 228 ล้านบาท
ล่าสุด ย่า ได้รับทราบคำสั่งของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผบ.ตร.ว่า สตช.ได้ประสานงานกับสำนักงาน ปปง.ตรวจสอบทรัพย์สินผู้เสียหายได้แล้ว 630 ราย มูลค่าความเสียหายสูงขึ้นเป็น 228 ล้านบาทแล้ว และได้เข้าตรวจค้นพร้อมยึดเอกสารหลักฐานสำคัญจาก ดิไอคอนกรุ๊ป 9 สาขามาได้ ส่วนดารานักแสดง และผู้เกี่ยวข้อง ก็ได้มีการสอบปากคำไปหลายคนแล้ว
ดูรูปการณ์แล้ว ย่าว่า คดีนี้ คงจะเป็นอุทธาหรณ์ให้แก่ดารานักแสดงให้ตระหนัก
ถึงความเป็นคนของสังคม และผู้ดู ผู้ชมได้เป็นอย่างดีว่า ท่านต้องไม่ “ขาย” ตัวตนให้กับกลุ่มพ่อค้าที่มีพฤติการณ์ฉ้อฉล เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านในลักษณะนี้อีก เว้นแต่ ท่านจะเป็นคนแบบเดียวกับพวกเขา
อย่าได้กล่าวหาชาวบ้านผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกล่อลวงให้เข้าร่วมทำธุรกิจด้วยเลย เพราะสภาพการณ์ล็อคดาวน์เมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโค วิด ทำให้ผู้คนทั้งโลก รวมถึงคนไทย ประสบปัญหาหนักจากการตกงานและการหาเลี้ยงปากท้อง
สิ่งที่ทำได้ทางเดียวในเวลานั้น ก็คือ หารายได้จากการขายสินค้าออนไลน์
ตรวจสอบความจริงจากข้อมูล และรายละเอียดที่ย่าไปเก็บรวบรวมมาให้ ก็จะรู้ว่า ดิไอคอนกรุ๊ป มีเจตจำนงค์ในการจัดตั้งธุรกิจขึ้นมาเพื่อหลอกลวงชาวบ้านจริงๆหรือไม่อย่างไร
ถ้าตั้งใจกระทำการเช่นนั้นจริง พวกเขาควรได้รับการลงโทษร่วมกันทั้งเครือข่ายหรือไม่?
คุณย่าขาซิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “แซม ยุรนันท์ – มีน พีชญา” เข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนถูกออกหมายจับ ปัดตอบสื่อมวลชน