“TCEB” เร่งปั๊มตลาดไมซ์ดึงเอ็กซิบิชั่นทั่วโลกเข้าไทยเฉียดหมื่นล้าน

  • ชี้เป้าลูกค้าไมซ์ยุคใหม่หลังโควิด หันใช้ไมซ์เลน+โปรแกรมลดคาร์บอน
  • ติดเทอร์โบปั๊มตลาดไมซ์ทั่วโลกหลังโควิด-19
  • ดึงงานเอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ จัดในไทยแล้วเฉียด 10,000 ล้านบาท
  • ได้ลูกค้า “อินเซนทีฟ” ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ หอบเงินกว่า 30 ล้านบาท
  • ใช้จ่ายใจกลางกรุง เช่าตุ๊กตุ๊ก 200 คัน ทำรายได้บริการฐานรากอู้ฟู่
  • พร้อมปรับกลยุทธ์ขานรับตลาดไมซ์ยุคใหม่นิยมใช้ MICE LANE
  • ชื่นชอบทำกิจกรรมปลูกป่า ลดคาร์บอน ซื้อสินค้าชุมชน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ“TCEB” เปิดเผยว่า ได้เร่งส่งเสริมและกระตุ้นการดึงงานไมซ์ (MICE) จากทั่วโลกเข้าไทยทันทีที่รัฐบาลประกาศเปิดประเทศให้นักเดินทางทั่วโลกเดินทางเข้าประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีไมซ์ตลาดต่างประเทศเข้ามาจัดงานในไทยตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นการจัดนิทรรศการแสดงสินค้า (E-Exhibition) สร้างรายได้รวมกว่า 9,880 ล้านบาท โดยไม่รวมตลาดการจัดงานประชุมของบริษัทต่าง ๆ (M-Meeting) และการจัดงานท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (I -Incentive) มาจากทั่วโลก

ตลาดกลุ่มแรก “งานเอ็กซิบิชั่นนานาชาติ หรือ International Exhibtion” รวม 34 งาน แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ประเภทที่ 1 งานแสดงสินค้าใหม่ ๆ หรือ New Show ประเภทที่ 2 งานแสดงสินค้าที่จัดต่อเนื่องหรือมีอยู่แล้ว หรือ Existing Exhibition อีก 24 งาน ส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหาร ไบโอเทค พลังงานอนาคต รถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2565 ไทยยังคงเป็นศูนย์กลางจัดงานที่ได้ขยายพื้นที่และจำนวนผู้จัดแสดงสินค้า (Exhibitors) ต่างประเทศเข้ามาเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ล่าสุดทีเส็บประเมินผลตอบรับจากงานแสดงสินค้านานาชาติปี 2565 จะสามารถนำรายได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศไทยเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลัง มิถุนายน-ธันวาคม 2565 ได้กว่า 10,000 ล้านบาท เฉลี่ยงานละ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากงานแสดงสินค้าใหม่ ๆ กว่า 6,000 ล้านบาท กับงานแสดงสินค้าต่อเนื่องที่มีอยู่แล้วอีกกว่า 4,000 ล้านบาท

ตลาดกลุ่มที่ 2 MI : Meeting & Incentive การประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล บริษัทขนาดใหญ่จากต่างประเทศกระตือรือร้นจัดงานกันอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนรวมกว่า 10 งาน ตัวอย่างเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2565 หลังไทยประกาศยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากนักเดินทางต่างประเทศหรือเลิกใช้ Test & Go ก็มีกลุ่มอินเซนทีฟของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ใช้เงินไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท นำสมาชิกที่ได้รางวัลทำยอดขายเข้ามาพักผ่อนในไทย จองห้องพักโรงแรมไฮแอทรีเจนซี่ กรุงเทพฯ ทั้งหมดให้อินเซนทีฟกลุ่มดังกล่าวพักตลอดทั้งทริป

ตลาดอินเซนทีฟออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ กลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ทีเส็บกับสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ TICA และผู้เชี่ยวชาญการตลาดของทีเส็บในแต่ละทวีป ทำวิจัยได้รับการยืนยันจากบริษัทผู้จัดงานต่าง ๆ ระบุไม่น่าจะมีออสเตรเลียเดินทางออกต่างประเทศ แต่ความจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีฐานหลักในออสเตรเลียและเครือข่ายในนิวซีแลนด์รวมกว่า 500 สาขา ได้นำลูกค้าอินเซนทีฟเดินทางมาไทยเรียบร้อยแล้วกว่า 500 คน ใช้เงินในไทยทางตรงประมาณ 30 ล้านบาท ยังไม่นับรวมบางคนขออยู่พักผ่อนต่อในจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ของไทย พร้อมจะใช้จ่ายเงินกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

ไฮไลต์อีกอย่างอินเซนทีฟออสเตรเลียนิวซีแลนด์กลุ่มนี้ยังได้จัดกิจกรรม “Amazing Race” เช่ารถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯกว่า 200 คัน จัดแข่งขันคล้ายแรลลี่ โดยใช้ตุ๊กตุ๊กไทยพร้อมพนักงานขับช่วยกันนำนักเดินทางไปค้นหาอาร์ซีตามเส้นทางท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ สร้างความสนุกสนานและสร้างประสบการณ์แปลกใหม่อันจะเป็นผลดีต่อการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ควบคู่กับอินเซนทีฟได้ด้วย

ประการสำคัญตลาดอินเซนทีฟกลุ่มนี้ยังได้กระจายรายอย่างเห็นผลชัดเจนทั้งการจ้างงาน สร้างอาชีพ ค่าที่พักโรงแรมการทำกิจกรรมคืนประโยชน์สู่สังคม การสนับสนุนเงินให้มูลนิธิต่าง  ๆ ทุ่มเงินทำอย่างเต็มที่ ตอกย้ำให้เห็นถึง1.ออกแบบจัดงานฟังก์ชั่นกระจายเม็ดเงินได้ทั่วถึงผู้ประกอบการไทยหลายกลุ่ม 2.เลือกจัดกิจกรรมที่เป็นมิตรกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายจิรุตถ์ ยืนยันว่า ขณะนี้มีบริษัทขนาดใหญ่หรือคอร์ปอเรตจากอินเดียนำคณะเดินทางอินเซนทีฟ เข้ามาใช้จ่ายเงินในไทยทุกเดือน ประมาณ 200-300 คน/กลุ่ม/ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจำหน่ายยาฟาร์มาซี บริษัทผลิตอาหาร ผลิตรถยนต์ ซึ่งอั้นมาหลายปี ตอนนี้พอได้รับโอกาสก็รีบใช้เงินเดินทางมาไทยทันทีกระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองชายหาดอย่างภูเก็ต และฝั่งทะเลอันดามัน ผนวกกับต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวเองก็มีจำนวนมากด้วย

นายจิรุตถ์ กล่าวว่า พฤติกรรมขอนักเดินทางไมซ์ตลาดต่างประเทศ หลังสถานการณ์โควิด-19 เปลี่ยนแปลงสู่รูปแบบใหม่อย่างเห็นได้ชัดคือ เดิมอาจจะเน้นเรื่องของบประมาณสนับสนุนจากทีเส็บเพื่อนำไปใช้จัดงานเลี้ยงอาหารให้แต่ละกลุ่มที่นำงานมาจัดในไทย  ตั้งแต่กลางปี 2565 เป็นต้นไป ได้หันมาให้ความสำคัญ 2 เรื่องใหม่ ได้แก่

เรื่องที่ 1 บริการความสะดวกสบายผ่านช่องทาง MICE LANE ในการนำคณะผ่านเข้าออกอย่างคล่องตัว ปลอดภัยทางสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สนามบินภูเก็ต โดยจัดให้มีเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะคอยดูแลอำนวยความสะดวก ทางด้านข้อมูลที่จะต้องผ่านการตรวจแต่ละจุดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งศุลกากร จุดตรวจสุขภาพ บริการไมซ์เลนจึงได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าสูงมาก

เรื่องที่ 2 โปรแกรมจัดกิจกรรม จะต้องเน้นการเพิ่มประสบการณ์ทำกิกรรมที่มีคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น ร่วมปลูกต้นไม้แล้วแต่ละบริษัทสามารถรวบรวมนำไปเป็นเครื่องมือคำนวณการมีส่วนช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือช่วยลดโลกร้อน ได้ด้วย

ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ ให้น้ำหนักเรื่องเหล่านี้มากเป็นอันดับต้น ๆ และต้องการเพิ่มประสบการณ์แปลกใหม่ได้พบปะกับคนในชุมชนแล้วช่วยอุดหนุนด้วยการซื้อสินค้าหรือทำกิจกรรมกับคนในท้องถิ่น เช่น เก็บขยะกับชาวประมงในพื้นที่แถบชายทะเล หรือขอทำโปรแกรมดูแลสุขภาพ เช่น ตอนเช้าต้องจัดให้มีโยคะด้วย เป็นความต้องการประสบการณ์กับคุณค่า นอกเหนือจากความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen