เปิดรายงานการบริโภค หูฉลาม ในไทยลดลง

การบริโภค หูฉลาม ลดลงในไทย แต่ความต้องการยังมีอยู่
การบริโภค หูฉลาม ลดลงในไทย แต่ความต้องการยังมีอยู่


  • ผลการศึกษาใหม่ ในประเทศไทย เผยว่า การบริโภค หูฉลาม ลดลงมากกว่า หนึ่งในสาม นับตั้งแต่ปี 2017
  • ความต้องการครีบฉลาม และ เนื้อฉลามยังคงมีอยู่อย่างมากโดยประชาชน ที่ตอบแบบสำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่ งระบุว่ าพวกเขาวางแผนที่จะบริโภคผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในอนาคต แม้ว่าจะเข้าใจถึงความเสี่ยงทางระบบนิเวศ ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าฉลามก็ตาม
  • นอกจากซุปหูฉลามซึ่งเป็นอาหารยอดนิยม นักอนุรักษ์ยังกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดเกิดใหม่ของชิ้นส่วนฉลามในอาหารสัตว์ที่ขายในประเทศไทย
  • ภาครัฐจะต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อหยุดยั้งการจับฉลามโ ดยไม่ได้ตั้งใจ และ ปรับปรุงการติดตามผลิตภัณฑ์ในธุรกิจค้าฉลาม เพื่อปกป้องสายพันธุ์ ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

รายงานฉบับใหม่ จากกลุ่มรณรงค์เพื่อสัตว์ป่า WildAid ระบุว่า การบริโภค หูฉลาม ในประเทศไทย ลดลงมากกว่า หนึ่งในสาม ตั้งแต่ปี 2017 อย่างไรก็ตาม ชาวไทยมากกว่าครึ่งหนึ่ง ยังคงวางแผนที่จะบริโภคผลิตภัณฑ์จากฉลามในอนาคต และ ความต้องการดังกล่าวยังคงสูงอยู่ แม้ว่า ประชาชนจะเข้าใจถึง ผลกระทบทางระบบนิเวศจากการฆ่าฉลาม ก็ตาม

เพชร มโนปวิตร นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ และ ที่ปรึกษาโครงการ WildAid ของประเทศไทย กล่าวว่า “คนไทยเริ่มตระหนักถึงความสำคัญ ของฉลาม ต่อมหาสมุทรมากขึ้น แต่ความต้องการครีบฉลาม และ การใช้ฉลามเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ยังคงมีอยู่มาก”

รายงานนี้ ซึ่งอิง จากการสัมภาษณ์ ชาวไทยในเมือง จำนวน 1,007 คน ระหว่างปี 2560 ถึง 2566 พบว่า จำนวนผู้บริโภคหูฉลาม ลดลงจาก 6.6 ล้านคน เหลือ 5.3 ล้านคน ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา การบริโภคซุปหูฉลาม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมลดลง 34% ต่อปี โดยส่วนใหญ่บริโภคในงานสังสรรค์ และ งานแต่งงาน

ฉลามเป็นสัตว์นักล่าชั้นยอดในมหาสมุทร มีบทบาทสำคัญ ในการรักษาสมดุลห่วงโซ่อาหาร แต่จำนวนฉลามลดลงอย่างรวดเร็ว จากการทำประมงมากเกินไป การจับปลาโดยไม่ได้ตั้งใจ และ ความต้องการครีบ ส่งผลให้ฉลาม และ ปลากระเบน มากกว่า 1 ใน 3 ของสายพันธุ์ทั้งหมด เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

แม้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 88% จะเข้าใจถึงความสำคัญของฉลามต่อระบบนิเวศทางทะเล แต่ 1 ใน 3 ของพวกเขา ก็ยังรายงานว่า จะลองกินเนื้อฉลามในอนาคต เจ้าของร้านอาหารในเยาวราช กล่าวว่า เมนูทางเลือกแทน ซุปหูฉลาม เช่น กุ้งตั๊กแตน และ กุ้งมังกร กำลังได้รับความนิยม มากขึ้น แต่ลูกค้าจากจีน มาเลเซีย และ สิงคโปร์ยังคงเป็นผู้บริโภคฉลามรายใหญ่

รายงานยังระบุว่า เจ้าของร้านอาหารส่วนใหญ่ทราบดีว่า ครีบฉลามมาจากตลาดมืด และ มักระมัดระวังเมื่อต้องพูดถึง ซัพพลายเออร์ โดยครีบฉลามส่วนใหญ่น่าจะมาจากฮ่องกง และ สเปน แม้ประเทศไทย จะอ้างว่าไม่มีการประมงฉลามเป้าหมาย แต่การตัดครีบฉลามในทะเลยังไม่ถูกห้ามตามกฎหมาย และ ประเทศไทยยังเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์จากฉลามรายใหญ่

แม้การตัดครีบฉลามจะลดลง แต่การนำฉลามทั้งตัวขึ้นบก กลับทำให้เกิดตลาดสำหรับเนื้อฉลาม กระดูกอ่อน และ ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าต ลาดดังกล่าว อาจสนับสนุนการประมงฉลามต่อไป การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า การตายของฉลาม จากการประมงทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 76 ล้านตัว ในปี 2012 เป็น 79 ล้านถึง 80 ล้านตัว ระหว่า งปี 2017 ถึง 2019

รายงานฉบับใหม่นี้ ยังสืบเนื่อง จากผลการศึกษาวิจัยในปี 2023 ที่พบว่า มีสายพันธุ์ฉลามใกล้สูญพันธุ์ ในผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วไปในประเทศไทย เช่น ฉลามหัวค้อนใหญ่ ฉลามหัวค้อนหยัก และฉลามทราย

รายงานเรียกร้อง ให้ผู้กำหนดนโยบาย ในประเทศไทย นำมาตรการที่จริงจัง มาใช้เพื่อลดการจับฉลาม โดยไม่ได้ตั้งใจ ขยายพื้นที่คุ้มครองทางทะเล และ ปรับปรุงการติดตาม ห่วงโซ่อุปทานการค้าฉลาม ให้ดีขึ้น ตามที่ผู้บริโภคจำนวนมาก แสดงความเต็มใจ ที่จะละทิ้งการบริโภคฉลาม

https://news.mongabay.com/2024/07/shark-fin-consumption-wanes-in-thailand-yet-demand-persists-report-shows/

https://thejournalistclub.com/news-garbage-food/