SCN รับอานิสงส์ราคาน้ำมันโลกพุ่งไม่หยุด! ดันรายได้เพิ่ม หลังโรงงาน-ภาคขนส่ง หันใช้ “iCNG – NGV” มากขึ้น

  • เผยราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งทะยานแตะ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลทำราคาก๊าซดีดตัวสูงตาม
  • ชี้แต่ยังเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกที่สุดในตลาด หนุนดีมานด์ภาคอุตสาหกรรม-ขนส่ง
  • จ่อส่งก๊าซลูกค้าใหม่เพิ่มปลาย มิ.ย.นี้ อีก 3 ราย
  • คาดปีนี้รายได้ iCNG เติบโตขึ้น 30% ธุรกิจ NGV รายได้เติบโตขึ้น 11%

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า จากแนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2565 ซึ่งมีทิศทางที่ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 110 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และถือว่าสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา กว่า 45%

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยังปรับขึ้นราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อย่างต่อเนื่องปัจจัยเหล่านี้ส่งผลทำให้ราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ราคา iCNG และ NGV มีราคาปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้บริษัทได้รับยอดขายเพิ่มมากขึ้น

“ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นของ iCNG และ NGV ก็ยังเป็นเชื้อเพลิงที่ถูกที่สุดในสถานการณ์วิกฤตน้ำมันขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ iCNG และ NGV มากขึ้นในภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง ทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้น และคาดการณ์ว่าจะมียอดขาย iCNG เพิ่มขึ้น 30% และ NGV เพิ่มขึ้น 10%” นายฤทธี กล่าว

ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจ iCNG ดำเนินการภายใต้ บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด ซึ่งปัจจุบันทาง SCN ถือหุ้นอยู่ที่51% และบริษัท Shizuoka Gas ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการขาย iCNG อยู่ที่ประมาณ 3,300 ล้านบีทียูต่อวัน (mmBTU/day) 

นายฤทธี กล่าวต่อว่า ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทเตรียมจัดส่งก๊าซให้กับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติมอีก 3 ราย จากทั้งหมด 12 ราย นอกจากนี้ยังมีลูกค้าเดิมของธุรกิจหลายราย มีความประสงค์ต้องการปรับเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตกลับมาเป็น iCNG อีกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างตรวจสอบระบบ เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ iCNG ให้ไวที่สุด และน่าจะได้ความชัดเจนในช่วงเดือน ก.ค. 2565 นี้

“ไม่เพียงเท่านั้นบริษัทยังมีลูกค้าอีกหลายรายนัดหมายเข้ามายังบริษัทเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานในโรงงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาและข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม จึงทำให้ปี 2565 บริษัทคาดการณ์รายได้จากธุรกิจ iCNG จะเติบโตขึ้นกว่า 30%” นายฤทธี กล่าว

ทั้งนี้ จากทิศทางของราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับขนส่งอย่างไม่ลังเล ส่งผลให้พอร์ตธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ของบริษัทโตอย่างเห็นได้ชัดทั้งระบบ ทั้งจากธุรกิจผลิต/ขนส่ง และสถานีให้บริการ NGV โดยรายได้ในธุรกิจนี้เติบโตขึ้นกว่า 11%

“คาดการว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 จะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 1/2565 เนื่องจากฐานลูกค้าของธุรกิจขยายตัว โดยในกลุ่มธุรกิจ iCNG และกลุ่มธุรกิจ NGV ปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น รวมทั้งธุรกิจในส่วนอื่นๆ เติบโตมากขึ้นอีกด้วย” นายฤทธี กล่าว