วิโรจน์ ก้าวไกลจัดหนักธุรกิจกองทัพงามไส้ ปรนเปรอนายพล

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายธุรกิจกองทัพ

วิโรจน์ ก้าวไกลจัดหนักธุรกิจกองทัพงามไส้ ปรนเปรอนายพล อยู่นอกงบประมาณตรวจสอบไม่ได้ ดัชนีวัดความเสี่ยงคอร์รัปชัน ไทยอยู่ในระดับเสี่ยงมาก

  • หมายหัว “สุทิน คลังแสง” เจออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน
  • ย้อนถามเศรษฐาเคยทราบหรือเคยใส่ใจหรือไม่
  • หรือทราบแล้วอุทาน “โอ๊ย ผมรับไม่ได้หรอกครับ”
  • ประชาชนเขารับไม่ได้มานานแล้ว

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อก้าวไกล อภิปรายในสภาญัตติเกี่ยวกับการโอนธุรกิจกองทัพให้กับรัฐบาลระบุว่า ธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของทหารและไม่มีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แต่เป็นกลไกให้กองทัพไปพัวพันกับการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ และเป็นแหล่งรายได้นอกระบบของเหล่านายพลเครือข่ายอุปถัมภ์ที่อยู่หลังม่านการเมือง

กลายเป็นวัฒนธรรมสกปรกที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระอย่างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)หรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ก็น้ำท่วมปาก แต่อ้างเสมอว่า กองทัพมีกลไกในการตรวจสอบตัวเอง ซึ่งเป็นการทำตามอำเภอใจของผู้มีอำนาจโดยไม่มีการตรวจสอบอะไรเลย ทหารมักจะเอาคำว่า “ความมั่นคง” มาเป็นข้ออ้าง

เมื่อเปรียบเทียบกับความมั่นคงในบริบทของโลก  ประเทศไทยเมื่อเทียบกับนานาอารยประเทศจะอยู่ในฐานะไม่มั่นคง และธุรกิจกองทัพเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศเสียเอง ดัชนี Government Defence Integrity Index 2020 หรือGDI ใช้ประเมินความเสี่ยงต่อการคอร์รัปชันของกองทัพและหน่วยงานความมั่นคง จากผลการประเมินล่าสุดเมื่อปี 2020 งามไส้ ประเทศไทยถูกประเมินอยู่ในระดับเสี่ยงมาก แย่กว่าประเทศในอาเซียน ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

ดัชนีGDI ประเมินใน 5 มิติ คือ การเมือง การเงิน การบริหารกำลังพล การปฏิบัติการ และด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ มิติที่ประเทศไทยได้คะแนนห่วยที่สุดหรือสอบตกโดยสิ้นเชิงคือด้านการเงิน และด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และธุรกิจกองทัพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้คะแนนด้านการเงินของไทยได้เพียง 17 คะแนน ขณะที่ภาพรวมอยู่ที่ 45 คะแนน ในเอเชียเฉลี่ยอยู่ที่ 47 คะแนน ความมั่นคงของประเทศไทยล้าหลังไปถึงไหนแล้ว

ด้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ก็งามไส้ไม่แพ้กันได้แค่ 16 คะแนน ตามรายงานปัญหาสำคัญคือประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณของกองทัพได้เลย ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ สะท้อนว่ากองทัพขาดสำนึกว่าเงินที่ใช้อยู่ในขณะนี้ เป็นเงินภาษีของประชาชน เอาความมั่นคงมาอ้างเพื่อใช้เป็นเกราะกำบังการตรวจสอบ

กองทัพและกระทรวงกลาโหมไม่เคยให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินและกรรมาธิการการทหาร ที่ตนเองเป็นประธานอยู่ เดี๋ยวจะรู้ว่าประธานที่ชื่อวิโรจน์จะจัดการกับรัฐมนตรีที่ชื่อสุทินอย่างไร หลายครั้งกรรมาธิการฯขอข้อมูลไป แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงกลาโหมในการให้ข้อมูล นายสุทินจะเจออภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอน

นอกจากนี้ยังมีเงินนอกงบประมาณของกองทัพอีก 18,000 ล้านบาท สูงถึง 8% ของงบประมาณกระทรวงกลาโหม ถูกเอาไปใช้อย่างลึกลับดำมืดไม่มีความโปร่งใส ถูกยกเว้นจากการรายงานและการตรวจสอบที่ควรจะป็นจากพรบ.วินัยการเงินการคลัง ได้อภิสิทธิ์แตกต่างจากกระทรวง ทบวง กรมอื่นๆ  ธุรกิจกองทัพ ทั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ สนามมวย สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ที่ราชพัสดุที่อยู่ในความดูแลของกองทัพ

ประชาชนไม่เคยรู้ว่าธุรกิจเหล่านี้มีรายได้เท่าไหร่ ได้กำไรมากน้อยขนาดไหน กองทัพเอาเงินสะสมไปปรนเปรอ หรือเอาไปทำอะไร ให้เช่าในอัตราเท่าใด สมเหตุสมผลหรือไม่ และนายเศรษฐายังเป็นรมว.คลัง และเป็นประธานนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ถามเศรษฐาเคยทราบหรือเคยใส่ใจหรือไม่ หรือทราบแล้วอุทานว่า โอ๊ย ผมรับไม่ได้หรอกครับ ประชาชนเขารับไม่ได้มานานแล้ว

“นี่เป็นเหตุผลสำคัญ ที่ผมและสส.พรรคก้าวไกล ได้ยื่นแก้ไขพรบ.วินัยการเงินการคลังในมาตรา 61 วรรค 2 ที่เขียนไว้ว่าเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐให้นำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น หรือได้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังไว้เป็นอย่างอื่น มีแค่กองทัพที่ทำข้อตกลงด้วยกระดาษเอ4 เก่าๆเพียงไม่กี่แผ่น ไปจัดการเงินนอกงบประมาณเอง ไปปรนเปรอให้ใครก็ไม่รู้” นายวิโรจน์กล่าว

ถ้ากองทัพต้องการจัดการเงินนอกงบประมาณเองต้องมีกฎหมายกำกับ มีระบบตรวจสอบที่โปร่งใส หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากร่างแก้ไขพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังเข้าสู่สภา เพื่อนสส.ทุกคนจากทุกพรรคจะร่วมกันให้การสนับสนุนแก้ไขร่างกฎหมายฉบับนี้ร่วมกัน

ทั้งนี้หลายวันก่อนมีนักข่าวถามว่า จะไปทำงานร่วมกันกับนายสุทิน คลังแสงหรือไม่ ผมตอบไปว่า คงร่วมไม่ได้ ถ้าไปแทนนี่แน่นอน ผมสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางในการคืนธุรกิจกองทัพให้กับรัฐบาล คืนทุกอย่างให้ประชาชน รวมทั้งให้จัดการเงินนอกงบประมาณอย่างโปร่งใส

ไม่ปล่อยให้เสนาพาณิชย์กลายเป็นตัวทำลายความมั่นคงของประเทศ ถูกดัชนีGDI ประจานไปทั่วโลกทุกๆ 5 ปี ปีหน้า2025 ดัชนี GDIฉบับใหม่จะออกมา หวังว่าจะดีขึ้น กองทัพจะพูดว่ารักชาติยิ่งชีพได้อย่างไร ตราบใดที่ท่านยังรักเงินธุรกิจที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ คอยส่งเงินนอกระบบเลี้ยงนายพล อดีตนายพลอย่างที่เป็นอยู่