เนสกาแฟ ทุ่มโฆษณา 620 ล้าน สร้างการเติบโตยั่งยืน

เนสกาแฟ ประกาศทุ่มโฆษณา 620 ล้านบาท สร้างแบรนด์ทั่งระบบ รับพฤติกรรมบริโภคกาแฟเปลี่ยน
เนสกาแฟ ประกาศทุ่มโฆษณา 620 ล้านบาท สร้างแบรนด์ทั่งระบบ รับพฤติกรรมบริโภคกาแฟเปลี่ยน


เนสกาแฟ เผยข้อมูล คนไทยดื่มกาแฟ คนละ 340 แก้วต่อปี หรือวันละไม่ถึงแก้ว แต่หากไปเทียบกับ ประเทศอื่นแล้ว ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟมองว่า ตลาดในประเทศไทย ยังมีการเติบโตอีกมาก

ปัจจุบัน มูลค่าตลาดกาแฟ สำหรับบริโภคในบ้านมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 3-5% และ ตลาดกาแฟนอกบ้านหรือตลาดร้านกาแฟ คาเฟ่ต่าง ๆ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แม้ว่า กำลังซื้อของคนไทย จะได้รับผลกระทบ จากภาวะเศรษฐกิจก็ตาม ขณะที่พฤติกรรมการดื่มกาแฟ ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก กับเทรนด์การเกิดเครื่องดื่มกาแฟใหม่ ๆ ที่ออกมา รวมถึง การดื่มกาแฟเย็นในสัดส่วนที่สูงขึ้นถึง 47%

เนสกาแฟในฐานะ ผู้บุกเบิกตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 50 ปี และ เป็นผู้นำตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% ได้มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ จึงทุ่มงบประมาณมหาศาลถึงปีละกว่า 620 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการโฆษณาสร้างแบรนด์เนสกาแฟ เพื่อดึงคนรุ่นใหม่หันมาทดลองดื่มกาแฟผงสำเร็จรูปให้มากขึ้น

นายโจโจ้ เดลา ครูซ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟ และ ครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ได้เปิดแถลงข่าวว่า กลยุทธ์ของเนสกาแฟ จะมุ่งเน้นที่ 3 ด้านหลักเป็นกลยุทธ์ “NES” ได้แก่

N: NESCAFÉ Brand การพัฒนาเนสกาแฟ ให้เป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคน สร้างการเปลี่ยนแปลง ของผู้บริโภคที่มีคุณค่า

E: Experience มอบประสบการณ์ การดื่มด่ำกาแฟสุดพิเศษ ผ่านนวัตกรรม และ ผลิตภัณฑ์ที่ปรับสูตรใหม่ ล่าสุด เนสกาแฟได้เปิดตัวกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ระดับพรีเมียม เนสกาแฟ โกลด์ อเมริกาโน่ และ ลาเต้ รวมทั้ง เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ฮันนีเลมอน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนสกาแฟวางแผน ที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ ความต้องการดื่มกาแฟเย็น ที่มีรสชาติดีเยี่ยมเพื่อการบริโภคทั้งในบ้าน และ นอกบ้าน และ ด้วยการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เนสกาแฟ จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟของไทยให้เติบโตต่อไป

S: Sustainability การให้ความสำคัญ กับความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ จะมุ่งพัฒนาการปลูกกาแฟอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรเชิงฟื้นฟู หรือ Regenerative Agriculture ภายใต้ โครงการ “เนสกาแฟ แพลน 2030” ซึ่งเป็นโครงการ ด้านความยั่งยืน ระดับโลกของเนสกาแฟ แม้การบริโภคกาแฟจะเพิ่มขึ้น แต่ผลผลิตเมล็ดกาแฟกลับลดลง มีการคาดหมายว่า ผลผลิตเมล็ดกาแฟโลก จะลดลงถึง 50% ในปี 2050

ดังนั้นการเกษตรเชิงฟื้นฟู จะช่วยให้เกษตรกร พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ของสภาพภูมิอากาศ เพิ่มผลผลิต และ คุณภาพของเมล็ดกาแฟ รวมทั้ง ปกป้อง และ ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ และ ทรัพยากรธรรมชาติ

โดยการสนับสนุน โครงการประกวดสุดยอดกาแฟไทย เพื่อส่งเสริมการใช้การเกษตรเชิงฟื้นฟูในสวนกาแฟให้มากขึ้น พร้อมทั้ง พัฒนาต้นกล้ากาแฟ ที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกในประเทศไทย และ ได้กระจายต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีเหล่านี้ ให้กับเกษตรกรมาแล้ว เกือบ 4 ล้านต้น

นายโจโจ้ กล่าวต่อไปว่า มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า ความทุ่มเทของเนสท์เล่ ในการขับเคลื่อน การเกษตรเชิงฟื้นฟู ทำให้เนสกาแฟ เป็นแบรนด์ที่มีการปลูก และ จัดหาเมล็ดกาแฟอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) 100% ได้รับการรับรอง ตามมาตรฐาน 4C (Common Code for the Coffee Community) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในระดับโลก เพื่อการันตีว่า เมล็ดกาแฟ ปลูกขึ้นตามมาตรฐาน ด้านความยั่งยืนระดับโลก ทำให้เราสามารถนำเสนอกาแฟคุณภาพ สู่ผู้บริโภคชาวไทย

นอกจากนี้ เนสกาแฟ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟโรบัสต้า โดยตรงจากเกษตรกรไทยในราคาที่เป็นธรรม โดยอิงจากราคากาแฟในตลาดโลก เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร แล ะสร้างความเชื่อมั่นว่าผลผลิตของพวกเขาจะมีตลาดรับซื้อที่ไว้วางใจได้

https://www.nescafe.com/th

https://thejournalistclub.com/nestle-thailand-announces-business-plans-for-2024/