

ไม่นานนัก หลังจากที่ “นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง เกิดไอเดียให้คนไทย “ออมเงิน” หลังเกษียณกันมากขึ้น
คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ก.ค.67 ก็ได้ผ่านความเห็นชอบโครงการ “สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรือ “หวยเกษียณ” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการออมเงิน โดยเอาพฤติกรรมของคนไทย ที่ชอบการเสี่ยงโชค ลุ้นรางวัล มาเป็นแรงจูงใจในการออมเงิน
เนื่องจากปัจจุบัน ไทยมีประชากรจำนวนมากเข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่ “ไร้สวัสดิการ” “ไร้เงินเก็บ” และ “ไร้ความมั่นคงในชีวิต” จึงต้องการขยายโอกาสให้คนไทยเข้าสู่ระบบการออมมากขึ้น
อีกทั้งต้องการช่วยลดภาระทางการคลังในระยะยาวของรัฐบาล ไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก มาจ่าย “เบี้ยคนชรา” ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี
ถือว่า หวยเกษียณ “ถูกกฎหมาย เงินไม่หาย กลายเป็นเงินออมยามเกษียณ หากถูกรางวัลรับเงินทันที”
สำหรับหวยเกษียณ มีรายละเอียด เงื่อนไขอย่างไร และใครสามารถซื้อได้บ้าง หาคำตอบได้ที่นี่ (เป็นแนวทางเบื้องต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม)
รัฐทุ่ม 830 ล้านบาททำ “หวยเกษียณ”
“หวยเกษียณ” คือ สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ ที่ออกโดย “กองทุนการออมแห่งชาติ” หรือ กอช. มีลักษณะเป็นนสลากขูดแบบดิจิทัล ใบละ 50 บาท ออกรางวัลทุกสัปดาห์ รางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท คาดว่า จะเปิดขายได้ช่วงต้นปี 68
ลักษณะพิเศษของหวยเกษียณ ที่ต่างจากการซื้อหวยใต้ดิน หรือล็อตเตอรี่ อยู่ตรงที่ เงินที่ซื้อสลาก จะถูกเก็บสะสมเป็นเงินออมในบัญชี กอช.ของผู้ซื้อ แต่จะถอนเงินออกมาได้เต็มจำนวนเมื่อผู้ซื้ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่รัฐบาลจะไม่สมทบเงินให้ผู้ซื้อสลาก และไม่รับประกันผลตอบแทนจากการซื้อสลาก
สำหรับการออกสลาก ในช่วงเริ่มต้น จะออกงวด (สัปดาห์) ละ 5 ล้านใบ หรือปีละ 260 ล้านใบ ในรูปแบบสลากขูดดิจิทัล ผู้ซื้อจะต้องลงทะเบียนการซื้อ และซื้อผ่านแอปพลิเคชัน กอช. โดยจำกัดการซื้อสูงสุดไม่เกินคนละ 60 ใบต่องวด หรือไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท
ในปีแรก จะใช้งบประมาณ 830 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.1 เงินรางวัลปีละ 780 ล้านบาท 1.2 พัฒนา แอปพลิเคชัน ระบบ Clearing และระบบงานที่เกี่ยวข้อง 20 ล้านบาท 1.3 โครงสร้างพื้นฐาน 30 ล้านบาท
2.ขอรับการสนับสนุนเงินรางวัลจากรัฐบาล งวดละ 15 ล้านบาท รวมปีละ 780 ล้านบาท (คิดเป็น 6% ของเงินซื้อสลากที่สะสมเข้ากอช.ประมาณปีละ 13,000 ล้านบาท) หรือในจำนวนที่เหมาะสมกับจำนวนการออกสลาก และความต้องการของสมาชิกเป้าหมาย
เปิดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข “หวยเกษียณ”
สำหรับผู้ที่จะสามารถซื้อหวยเกษียณได้ ได้แก่
1.ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 18-60 ปี
2.ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือก 1 (ผู้ประกันตนจ่ายเองเดือนละ 70 บาท) ที่อายุไม่เกิน 60 ปี
3.แรงงานนอกระบบ ที่อายุไม่เกิน 60 ปี เช่น เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป วินมอเตอร์ไซค์ ขับรถแท็กซี่ ขับรถรับจ้าง แม่บ้าน ฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระต่างๆ
4.ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
5.ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ผู้ที่ซื้อหวยเกษียณไม่ได้ คือ ข้าราชการ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39
เงื่อนไขการซื้อหวยเกษียณ ได้แก่
1.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
2.ใบละ 50 บาท ซื้อได้ไม่เกินเดือนละ 3,000 บาท หรือไม่เกินเดือนละ 60 ใบ
3.ซื้อได้ทุกวัน ผ่านแอปพลิเคชัน กอช.
4.ออกรางวัลทุกวันศุกร์ เวลา 17.00 น.
5.เงินที่ซื้อสลากจะเก็บสะสมเป็นเงินออม และจะถอนออกได้เมื่ออายุครบ 60 ปี
เงินรางวัลหวยเกษียณ มีทั้งหมด 2 รางวัล ได้แก่
1.รางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล รวม 5 ล้านบาท
2.รางวัลที่ 2 มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล รวม 10 ล้านบาท
3.การรับเงินรางวัล กอช. จะจ่ายเงินรางวัลให้กับผู้ถูกรางวัลผ่านบัญชีพร้อมเพย์หมายเลขบัตรประชาชนไม่เกินวันถัดไป
ชวนคนไทยออมเงินกับ “กอช.”
อย่างไรก็ตาม นอกจากหวยเกษียณ ที่จะช่วยให้คนไทยมีเงินออมมากขึ้นแล้ว กอช.ยังเชิญชวนให้คนไทยออมเงินกับกอช. โดยยิ่งออมเงินเร็ว ก็จะยิ่งมีเงินออมสะสมจำนวนมากเมื่ออายุครบ 60 ปี ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตได้ส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ จากเว็บไซต์ของ กอช. www.nsf.or.th ระบุว่า ผู้มีสิทธิ์ออมเงิน หรือเป็นสมาชิก กอช. ได้แก่
1.ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 15-60 ปี
2.นักเรียน นิสิต นักศึกษา
3.ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อพร.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาพัฒนาชุมชน (อช.) ลูกจ้าง เกษตรกร ค้าขาย รับจ้างทั่วไป
4.ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ทางเลือก 1 (ผู้ประกันตนจ่ายเองเดือนละ 70 บาท)
ผู้ไม่มีสิทธิ์เป็นสมาชิก กอช.
1.สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
2.ผู้ประกันตนมาตรา 33 (พนักงาน/ลูกจ้างบริษัท)
3.ผู้ประกันตนมาตรา 39 (ผู้ประกันตนเอง มีบำเหน็จบำนาญ)
4.ผู้ประกันตนมาตรา 40 ทางเลือก 2 และ 3 (ผู้ประกันตนมีบำเหน็จ)
5.พนักงานบริษัท/รัฐวิสาหกิจ ที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ สมาชิกกอช. สามารถออมเงินเริ่มต้นได้ตั้งแต่ปีละ 50-30,000 บาท และรัฐจะจ่ายสมทบให้ด้วย โดยอายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินสะสม แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท
อายุมากกว่า 30-50 ปี รัฐสมทบ 80% แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท และอายุมากกว่า 50-60 ปี รัฐสมทบ 100% แต่ไม่เกินปีละ 1,800 บาท
ได้รับเงินคืนเมื่อไร
1.อายุครบ 60 ปี จะได้รับเงินออมสะสมและผลตอบแทนการลงทุน รวมกับเงินสมทบจากรัฐบาลและผลตอบแทนลงทุน โดยจะได้รับเป็นเงินบำนาญรายเดือน
2.เสียชีวิต จะได้รับเงินออมสะสมและผลตอบแทนการลงทุน รวมกับเงินสมทบจากรัฐบาลและผลตอบแทนลงทุน โดยจะได้รับเป็นเงินก้อน จ่ายครั้งเดียว
3.ลาออก จะได้รับเฉพาะเงินออมสะสมและผลตอบแทนการลงทุน แต่ไม่ได้รับเงินสมทบจากรัฐบาล โดยจะได้เป็นเงินก้อน จ่ายครั้งเดียว
เชิญชวนคนไทยออมเงิน เพื่อความมั่นคงในชีวิตหลังเกษียณ!!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม. เห็นชอบเดินหน้า “หวยเกษียณ” ทุกศุกร์ ได้ลุ้นหวย 1 ล้านบาท 5 รางวัล