ร้านอาหาร และ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งใน ญี่ปุ่น เก็บเงิน 2 ราคา สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนท้องถิ่นชาวญี่ปุ่น ปัญหาเศรษฐกิจ ในประเทศญี่ปุ่น ค่าแรง รวมไปถึง เงินเยน อ่อนค่า ตัวลงอย่างมาก ได้กระตุ้นให้ท้องถิ่นญี่ปุ่น ลุกขึ้นมาแก้ปัญหาด้วยตนเอง
โดยเฉพาะปัญหาค่าเงินอ่อนค่า ซึ่งได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกลง แต่สำหรับชาว ญี่ปุ่น กลับมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
จากข้อมูลของการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทำสถิติสูงสุด มากกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 ล่าสุด ตั้งแต่เดือน มกราคม – พฤษภาคม มีจำนวนสูงถึง 14.6 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2019 ก่อนเกิดวิกฤต มีจำนวน 13.7 ล้านคน
สิ่งที่เกิดขึ้นมีร้านอาหาร ซึ่งประสบปัญหากับการนำเข้าสินค้าต้นทุนเพิ่มขึ้น และ สถานทื่ท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องปรับตัว เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าว
อาทิ เช่น ร้านอาหารซีฟู้ด แบบบุฟเฟ่ต์ “ทามาเทบาโกะ” ในย่านชิบูย่า ซึ่งเป็นย่านพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่ง ในกรุงโตเกียว เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่คิดราคาต่างกัน สำหรับผู้พักอาศัยในญี่ปุ่น และ นักท่องเที่ยว
ข้อความภาษา ญี่ปุ่น ที่ด้านล่างของเมนู ของร้านอาหารระบุว่าชาวญี่ปุ่นได้รับส่วนลด 1,000 เยน (9.50 ดอลลาร์)
ราคาปกติสำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลแบบทานได้ไม่อั้น และ เครื่องดื่มอยู่ที่ 8,778 เยน (83 ดอลลาร์) ในขณะที่ผู้ที่มีหลักฐานแสดงถิ่นที่อยู่ในญี่ปุ่น สามารถรับประทานอาหารเดียวกันได้ในราคา 7,678 เยน (73 ดอลลาร์)
“โชโก โยเนมิตสึ” เจ้าของร้านบอกเหคุผลถึงกรณีดัง กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก ทำให้เขาต้องจ้างพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งได้รับค่าจ้างสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งแรงงานพิเศษบางครั้งต้องสอนชาวต่างชาติถึงมารยาทที่ถูกต้องในร้านอาหารญี่ปุ่น”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่นักท่องเที่ยว กับคนในท้องถิ่น จะไม่ยุติธรรม เขาพบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกในนาทีสุดท้าย ซึ่งคนญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำ” เขากล่าว
“โยเนมิตสึ” กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นล้มเหลวในการให้การสนับสนุนร้านอาหารเพื่อให้ทันกับความต้องการ และ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการอ่อนค่าของ เงินเยน
ส่วนปฏิกิริยาของลูกค้า เขากล่าวว่า “ลูกค้าของเรารู้จักระบบการกำหนดราคาของเรา ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาใดๆ”
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเองก็ประสบปัญหานักท่องเที่ยวแออัด ความไม่เป็นระเบียบของนักท่องเที่ยวต่างชาติ บางแห่งได้เตรียมขึ้นราคาและบางแห่งขึ้นราคาและจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย
อาทิเช่น ปราสาทฮิเมจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกโลก ขององค์การ ยูเนสโก้ ตั้งอยู่ ในเมืองฮิเมจิ ในจังหวัดเฮียวโงะ ห่างจากเมือง โอซาก้า 50 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบั้นเก็บค่าเข้าเยี่ยมชม 1,000 เยน หรือราว 6.33 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และ 300 เยน หรือราว 1.90 ดอลลาร์ สำหรับนักเรียน
ทาง นายกเทศมนตรี ฮิเดยาสุ คิโยโมโตะ แห่ง เมืองฮิเมจิ ได้ออกมาระบุว่า มีความต้องการเก็บค่าเยี่ยมชม เป็น 2 ราคา สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจจะขึ้นไปเทียบเท่ากับระดับ 30 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 4 เท่า จากเดิม และประมาณ 5 ดอลาร์ สำหรับผู้มีถิ่นพักอาศัย ในญี่ปุ่น
อีกจุดหนึ่งที่มีปัญหาการท่องเที่ยวเกินพิกัด คือภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งมีการสร้างประตูควบคุมฝูงชนแห่งใหม่เมื่อตามเส้นทางยอดนิยม พร้อมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปีนเขา 2,000 เยน (19 ดอลลาร์) ในเดือนพฤษภาคม แต่บางคนเรียกร้องให้เพิ่มค่าธรรมเนียมสำหรับนักท่องเที่ยว
โดยมีการติดตั้งประตูทางเข้าเส้นทางปีนภูเขาฟูจิ ก่อนจะถึงฤดูปีนเขาซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ก.ค. ประตูนี้ สร้างขึ้นเพื่อควบคุม จำนวนนักปีนเขา โดยตั้งอยู่บริเวณภูเขาฟูจิชั้นที่ 5 ฝั่ง จังหวัดยามานาชิ
การปีนเขาอย่างไม่ระมัดระวัง บนเส้นทางนี้ เป็นปัญหามาตลอด บางคนปีนภูเขาฟูจิ ในช่วงกลางคืน ไม่ยอมหยุดพัก ตามเรือนพักบนภูเขา หรือ บางคน ก็กางเต็นท์กลางทางเดิน สร้างความเดือดร้อนรำคาญ แก่นักปีนเขาคนอื่น ๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
https://www.mlit.go.jp/kankocho/en/index.html
https://thejournalistclub.com/japan-target-60-million-tourist-2024
