ในปีนี้มีผู้เสียชีวิตบนภูเขาไฟ ฟูจิ แล้ว 4 ราย พร้อมทั้ง ผู้ต้องการความช่วยเหลืออีกจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเน้นย้ำถึงอันตรายจากการปีนเขา โดยไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า
เมื่อไม่นานมานี้ ญี่ปุ่นให้ความสำคัญ กับการท่องเที่ยวภูเขาไฟฟูจิอย่างมาก โดยหลายๆ เมืองที่มีทางเข้าปีนเขาฟูจิได้ดำเนินการเพื่อจัดการกับผู้คน และ ที่เข้ามาเที่ยว แต่น่าเสียดายที่นักปีนเขา รวมถึงคนญี่ปุ่นเอง ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่จำเป็น หรือ คำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศ ส่งผลให้มีผู้ขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น และใน 4 กรณีล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน่าเศร้า
เมื่อฤดูกาลเริ่มต้น มีผู้เสียชีวิต 4 คน
ฤดูกาลปีนเขาฟูจิ พึ่งเริ่มต้นขึ้นไม่นาน โดยจังหวัดยามานาชิ ได้เปิดให้เข้าชมเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนทางเข้า ที่จังหวัดชิซูโอกะเพิ่งเปิด ให้เข้านักท่องเที่นยว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เส้นทางทั่วไปใ นการขึ้นสู่ภูเขาไฟฟูจินั้น มีความสูงชัน และ มีความยาวหลายกิโลเมตร เส้นทางที่ยาวที่สุดจากจังหวัดชิซูโอกะ คือ โกเท็มบะ ซึ่งมีความสูงเพียง 1,440 เมตร แต่มีระยะทางเดินถึง 18.9 กิโลเมตร
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่บางคนเดินป่า โดยไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้า และ บางคนยังคงเดินหน้าต่อไปแม้มีฝนตกหนักจนทำให้การเดินป่าเป็นเรื่องอันตราย
รายงานข่าวแจ้งว่าพบชายวัย 60 ปี หมดสติใกล้สถานีที่ 8 บนเส้นทางซูบาชิริ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่มาถึงที่เกิดเหตุยืนยันว่าชายคนดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว เขาเป็นชาวท้องถิ่นจากจังหวัดชิซูโอกะ เส้นทางซูบาชิริมีทางขึ้นเขาสูง 1,700 เมตร และ ระยะทางเดินป่าทั้งหมด 13.1 กิโลเมตร
นับเป็นรายที่ 4 บนภูเขาไฟฟูจิ ในระยะเวลาเพียง 4 วัน นับตั้งแต่ วันที่เปิดให้นักท่องเที่ยวปีนภูเขาไฟฟูจิ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยเหยื่อรายแรกคือชายวัย 50 ปีที่ตกลงมาจากขอบภูเขาไฟใกล้กับยอดเขา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ชายวัย 77 ปีจากเมืองโคมาเอะ โตเกียว เสียชีวิตบนเส้นทางโกเทมบะ และ ในเช้าวันเดียวกัน ชายอีกคนหนึ่งได้เกิดการล้ม และ เสียชีวิตบนเส้นทางฟูจิโนะมิยะ
แม้จะมีความกังวลว่านักท่องเที่ยวอาจมีความเสี่ยงชีวิตบนภูเขาไฟ ฟูจิ แต่เหยื่อ 2 รายเป็นพลเมืองญี่ปุ่น และมีข้อมูลน้อยเกี่ยวกับตัวตนของเหยื่ออีก 2 รายที่เหลือ
สภาพอากาศมีเป็นเงื่อนไขสำคัญ
การเสียชีวิตดังกล่าว ได้เพิ่มจำนวนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งมีนักไต่เขาฝั่งชิซูโอกะ เสียชีวิตเพียง 2 รายเท่านั้น
ในอดีตทีผ่านมา เจ้าหน้าที่ของจังหวัดชิซูโอกะ และ ยามานาชิ ได้แนะนำให้นักไจ่เขา เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินเขาระยะไกล และ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่แนะนำคือ “การปีนหน้าผาแบบลูกกระสุน (bullet climbing)” ซึ่งหมายถึง การปีนภูเขาไฟฟูจิโดยไม่หยุดพักตั้งแค่ฐานที่ 5 และ ปีนไปยังยอดภูเขาเพียงครั้งเดียว ซึ่งนักไต่เขาจะต้องฝ่าความเหนื่อยล้าข้ามคืน เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่ยอดเขา
ปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ปีนี้ซับซ้อนคือสภาพอากาศ ภูมิภาคชูบุ และ คันโต ของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับฝนตกหนักเมื่อเร็วๆ นี้ และ ภูเขาไฟฟูจิก็มีกระแสลมแรง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้นักปีนเขาได้หันหลังกลับ และ อย่าพยายามปีนเขาในสภาพอากาศที่อันตราย
การจองในชิซูโอกะ – ปัญหาที่ต้องเผชิญ
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางมายังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จังหวัดที่เป็นเจ้าภาพจัดงานจึงต้องรับมือกับปัญหาความแออัดยัดเยียด
ทั้งจังหวัดชิซูโอกะ และ ยามานาชิได้พยายามหาแนวทางเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหาความแออัด เช่น การสร้างรถไฟฟ้ารางเบาขึ้นภูเขา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งและยังไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติ
ฝั่งยามานาชิ ได้ใช้ระบบการจองเพื่อจำกัดจำนวนผู้เข้าเดินป่าไม่เกิน 4,000 คนต่อวัน แต่ชิซูโอกะ เผชิญกับอุปสรรคในการดำเนินการ เนื่องจากที่ดินด้านล่างสถานีที่ 8 ไม่ได้เป็นของจังหวัด แต่ เป็นของศาลเจ้าฟูจิซังฮอนกุเซ็นเก็นไทฉะ
ทางจังหวัด ชิซูโอกะ มีระบบลงทะเบียนล่วงหน้า แต่ไม่บังคับให้ใช้ระบบนี้ ระบบกำลังตรวจสอบว่า นักปีนเขาที่เข้ามาหลัง 16.00 น. จะต้องจองที่พักค้างคืนหรือไม่ เพื่อป้องกันการปีนเขาแบบโหด
การเตรียมตัวสำหรับการปีนภูเขาไฟฟูจิ
การเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิเป็นความฝันของนักท่องเที่ยวหลายคนที่ไปญี่ปุ่น แต่ การไต่เขาอาจเป็นอันตรายได้ มีแนะนำสำหรับการเดินป่ามีดังนี้
1. จองที่นั่งบนเส้นทางโยชิดะเพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด หากคุณเดินทางไปฝั่งชิซูโอกะ โปรดลงทะเบียนล่วงหน้าและรับชมวิดีโอความปลอดภัยที่จำเป็น
2. อ่านคำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการปีนเขาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
3. อย่าปีนเขาโดยรีบร้อน ควรเช่าที่พักหากต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้น และ พักผ่อนก่อนจะปีนเขาถึงยอด
4. หากเจ้าหน้าที่บอกว่าการปีนเขานั้นอันตรายเกินไป ให้ฟังพวกเขา และ ยกเลิกแผนการปีนเขา
