ETF โอกาสแห่งโลกการลงทุน!!

มีคนถาม “คุณนายพารวย” ว่า ETF คืออะไร ต่างจากการลงทุนหุ้นและกองทุนรวมอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ ETF กันดีกว่า…

ETF ย่อมาจาก Exchange Traded Fund โดย E = Exchange คือหลักทรัพย์ที่สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯได้ T = Traded สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ได้เหมือนหุ้น F = Fund คือมีการจัดตั้งเป็นกองทุนรวม

สรุปง่ายๆ ETF คือกองทุนรวมประเภทหนึ่งแต่มีความพิเศษที่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเห็นราคาซื้อขายแบบ Real-Time ได้เหมือนหุ้นตัวหนึ่งและผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและส่วนต่างจากราคาหลักทรัพย์ (Capital Gain)

 ถือเป็นการลงทุน ที่ตอบโจทย์มือใหม่ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว แต่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลเพื่อเลือกลงทุนหุ้นด้วยตัวเอง รวมถึงนักลงทุนมือเก่า ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้พอร์ต เพราะกองทุน  ETF ส่วนใหญ่เน้นลงทุนแบบ Passive มีนโยบายลงทุนตามดัชนีต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนให้ใกล้เคียงการเคลื่อนไหวของดัชนีที่อ้างอิงมากที่สุด เช่น ดัชนีหุ้นในประเทศ, ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, ดัชนีตราสารหนี้ ,ดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์

  ETF จึงเป็นการรวมเอาจุดเด่นของ “กองทุนรวมดัชนีเรื่องการกระจายความเสี่ยงได้ดีโดยใช้เงินลงทุนน้อยประกอบกับข้อดีของหุ้นที่ซื้อขายได้ Real-Time โดยไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นวันถึงจะรู้ราคาซื้อขายซึ่งช่วยให้ผู้ลงทุนจับจังหวะซื้อขายได้แม่นยำขึ้น

  ในเว็บไซต์http://www.setinvestnow.com

 หน้าคลังความรู้บทความเรื่อง “ETF โอกาสแห่งโลกการลงทุน” ได้ชู 5 จุดเด่นที่ทำให้  ETF น่าสนใจลงทุนคือ 1.มีเงินน้อยก็กระจายความเสี่ยงได้ เพราะซื้อ ETF เหมือนกระจายเงินไปลงทุนในหุ้นทั้งหมด ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีอ้างอิงนั้น ๆ  เช่น ลงทุนใน ETF ดัชนี SET50 ก็จะเท่ากับเราซื้อหุ้น 50 ตัวเฉลี่ยกันไปตามดัชนี ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัว โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก

2.เงินลงทุนงอกเงยไม่แพ้ตลาดในระยะยาว เพราะ ETF มีกลยุทธ์ลงทุนแบบ Passive ผลการดำเนินงานจะวิ่งล้อไปกับดัชนี  เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายลงทุนระยะยาว และต้องการให้เงินโตตามตลาดไปเรื่อย ๆ3.ซื้อขายได้ด้วยราคา Real-Time ถือเป็นความพิเศษของ ETF ที่เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดของการซื้อขายกองทุนรวมแบบเดิมๆ เพราะผู้ลงทุนสามารถเห็นราคา ETF แบบ Real-Time และซื้อขาย ETF ได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอราคา NAV ณ สิ้นวัน 

4.ราคาซื้อขายในตลาดฯ ใกล้เคียงมูลค่าที่แท้จริง ผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) จะทำหน้าที่ส่งคำสั่งเสนอซื้อเสนอขายหน่วยลงทุน ETF เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถซื้อขาย ETF ได้ และราคาของ ETF จะเคลื่อนไหวสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของหน่วยลงทุน 5.ค่าธรรมเนียมต่ำ เมื่อเทียบกับกองทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนแบบ active เนื่องจาก ETF ลงทุนแบบ Passive ไม่ได้เน้นการเอาชนะตลาด ค่าธรรมเนียมซื้อขาย ETF จะเหมือนกับหุ้น เพราะเป็นการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 

ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุน ETF เข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์http://www.setinvestnow.com

มีหัวข้อที่น่าเรียนรู้เช่น “ลงทุน ETF เริ่มต้นอย่างไร”  หรือ “5 สิ่งต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ ETF” โอกาสแห่งโลกการลงทุนเปิดแล้วจะมัวรออะไร..ลุย!!!

#คุณนายพารวย#รู้เก็บรู้ออม#ใช้รู้ลงทุน#สู่ความมั่งคั่ง #Thejournalistclub#ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย