การท่าเรือฯ เดินหน้าโครงการ แหลมฉบังเฟส 3 สัญญา 2



“มนพร” เผยการท่าเรือ ลุยต่อเนื่องโครงการ แหลมฉบังเฟส 3 สัญญา 2 งานโครงสร้างพื้นฐาน 7,298 ล้านบาท ตั้งเป้าดันเอกชน ตอกเสาเข็ม ภายใน ต.ค.นี้ มั่นใจ แหลมฉบังเฟส 3 ส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดให้ GPC ตามสัญญาใน พ.ย.68 หวังเปิดบริการท่าเรือใหม่ เร็วสุดในปี 70

วันนี้ (31 ก.ค.67) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ร่วมกับบริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด พร้อมระบุว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นหนึ่งในโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ตามแผนพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออก (EEC)

“การลงนามในครั้งนี้ ถือเป็นความคืบหน้าที่ ดีในการผลักดัน ให้ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นประตูการค้าสู่การลงทุนในภูมิภาคเอเชีย พร้อมรองรับปริมาณตู้สินค้าที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต”

ทั้งนี้ จะเป็นการเริ่มงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค โครงข่ายและระบบการขนส่งต่อยอดจากการดำเนินงานส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นงานก่อสร้างทางทะเลที่ กทท. อยู่ระหว่างเร่งรัดให้กิจการร่วมค้า CNNC ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด เพื่อให้มีความพร้อมในการส่งมอบพื้นที่ให้กิจการร่วมค้า GPC ได้ในเดือน พ.ย. 2568

และสามารถเปิดให้บริการท่าเรือ F ได้ภายในสิ้นปี 2570 ซึ่งจะส่งผลให้ท่าเรือแหลมฉบังสามารถรองรับตู้สินค้าได้เพิ่มขึ้นอีก 4 ล้านทีอียูต่อปี รวมเป็น 15 ล้านทีอียูต่อปี จากเดิมที่ระยะที่ 1 และ 2 สามารถรองรับได้ 11 ล้านทีอียูต่อปี

ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ การท่าเรือ แห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 มีมูลค่างาน 7,298 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่าเรือมีโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก

ตลอดจนโครงข่ายและระบบการขนส่งที่ต่อเนื่อง พร้อมรองรับการขยายตัวของปริมาณสินค้าทางเรือ การขนส่งสินค้าทางรถไฟ และสินค้าประเภทต่างๆ

โดยการดำเนินงานประกอบด้วย งานก่อสร้างหลักที่สำคัญ ได้แก่ งานระบบถนน งานอาคาร งานระบบสาธารณูปโภคงานท่าเทียบเรือชายฝั่ง และงานท่าเทียบเรือบริการ

รวมถึงการวางระบบการเชื่อมโยงเครือข่าย การขนส่งสินค้าภายในประเทศ เพื่อรองรับการสร้างรางรถไฟ เข้าไปถึงบริเวณหลังท่าเทียบเรือ

“โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 สัญญา 2 เป็นอีกหนึ่งสัญญาที่งานค่อนข้างยาก และใช้ระยะเวลาดำเนินการนานถึง1,260 วัน หรือกว่า 3 ปีแล้วเสร็จ การท่าเรือฯ จึงมีนโยบายจะเร่งรัดผู้รับเหมาให้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนสัญญากำหนด โดยคาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ น่าจะออกหนังสืออนุญาตเข้าพื้นที่ (NTP) หลังจากนั้นเอกชนจะสำรวจพื้นที่ก่อนเริ่มงานก่อสร้างภายในเดือน ต.ค.นี้“

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 มีการแบ่งงานก่อสร้างหลักภายใต้ความรับผิดชอบของ กทท. ออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล ดำเนินงาน

โดยกิจการร่วมค้า CNNC ซึ่งขณะนี้งานถมทะเลในภาพรวมมีความคืบหน้า 37% ส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคารท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค ที่ได้มีการลงนามในวันนี้

ส่วนที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนที่ 4 งานจัดหาเครื่องมือ พร้อมจัดหาและติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโดยงานส่วนที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะสามารถประกาศประกวดราคาได้ภายในต้นปี 2568

สำหรับภาพรวม การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ขณะนี้ยังถือว่าอยู่ในแผนกำหนด กทท. มั่นใจว่า จะส่งมอบพื้นที่ให้กลุ่ม GPC ตามสัญญา โดยปัจจุบันจะเร่งรัดแผนงานส่วนของสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 ซึ่งเป็นงานฐานรากของโครงการ ให้เสร็จก่อนกำหนด

หลังจากนั้นงานสัญญาที่ 3 และสัญญาที่ 4 จะเป็นงานที่ไม่ใช้เวลาดำเนินการมาก จึงมั่นใจว่าท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่3 ส่วนของท่าเรือ F จะเปิดให้บริการได้ราวเดือน ธ.ค.2570 – ม.ค.2571 เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้าน ทีอียูต่อปี เป็น 18 ล้าน ทีอียูต่อปี

ด้าน Mr. Jiang Houliang กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคบริษัท China Harbour Engineering Company กล่าวว่า บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในงานก่อสร้างท่าเรือทั่วโลก รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยความพร้อม และความเป็นเลิศด้านวิศวกรรมระดับสากล

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า จะสามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ส่วนที่ 2 ให้เป็นไปอย่างมาตรฐาน และสำเร็จลุล่วง ตามกรอบระยะเวลา ตามสัญญาที่กำหนดได้อย่างแน่นอน

การท่าเรือ แห่งประเทศไทย (กทท.)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : กทท. จี้ผู้รับเหมาเร่งงานถมทะเลสร้างแหลมฉบังเฟส 3