“เผ่าภูมิ” รมช.คลัง เผยพรุ่งนี้ (10 ก.ค.) ประชุมคณะอนุฯ ดิจิทัล วอลเล็ต เคาะสรุปรายละเอียดทั้งหมด การลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต เตรียมส่งต่อประชุมบอร์ด ดิจิทัล วอลเล็ต ชุดใหญ่ 15 ก.ค. ชี้แถลงข่าวใหญ่ 24 ก.ค.นี้ นายกฯ จะประกาศไทม์ไลน์ การยืนยันตัวตน การลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต รับสิทธิ์ แอปพลิเคชันที่ใช้ ขั้นตอนการลงทะเบียน
- เผยกรณีก้าวไกล ห่วงสภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส. ชี้เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา สภาพคล่องส่วนเกินมีขึ้น มีลง ยันไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
- ลั่นหน่วยงานประมาณการเศรษฐกิจที่อยู่ในประเทศ มีความแม่นยำสูง เนื่องจากได้ ได้เห็นสภาพข้อจำกัด สูงกว่าสถาบันที่ไม่ได้อยู่ในประเทศ
- ชี้ปัจจุบันเงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ตกกรอบมากว่า 1 ปี แน่นอนไม่มีประเทศใดในโลก ยอมให้เงินเฟ้อตกกรอบในระยะเวลานานแบบนี้
วันนี้ (9 ก.ค.67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับ นโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต หรือ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ในทุกประเด็น เพื่อสรุปรายละเอียดทั้งหมด จากนั้นจะนำเรียน เข้าที่ประชุมบอร์ด ดิจิทัล วอลเล็ต ชุดใหญ่ ในวันที่ 15 ก.ค.67 โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ ในวันที่ 30 ก.ค.67 ต่อไป
“เบื้องต้นการประชุม ในวันพรุ่งนี้ จะเป็นการสรุปรายละเอียดของโครงการให้ครบถ้วน รวมทั้งเรื่องการทบทวน รายการสินค้า ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ (Negative List) เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ครม.อนุมัติต่อไป” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการแถลงรายละเอียด โครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ในวันที่ 24 ก.ค.67 นี้ นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี จะประกาศไทม์ไลน์การยืนยันตัวตน การลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการดิจิทัล วอลเล็ต แอปพลิเคชันที่ใช้ ขั้นตอนการลงทะเบียน รายละเอียดแอปพลิเคชัน สิ่งที่ประชาชนจะต้องเตรียมการ ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ขอยืนยันว่า เม็ดเงินจะถึงมือประชาชน ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 แน่
“ในวันที่ 24 ก.ค.นี้ รัฐบาลจะแถลงรายละเอียดทุกอย่างของโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน ตั้งแต่รายละเอียด หน้าตาแอปพลิเคชัน สิ่งที่ประชาชนจะต้องเตรียม สิ่งที่ประชาชนจะต้องเจอ เมื่อไปลงทะเบียนในแอปฯ อาทิ การใช้บัตรประชาชนอย่างไร ยืนยันตัวตนอย่างไร ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งในส่วนการยืนยันตัวตน และการรับสิทธิ์ร่วมโครงการ”
ทั้งนี้ ในส่วนรายละเอียดที่ได้ข้อสรุป จะต้องเสนอเข้าคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือไม่นั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวตอบว่า รายละเอียดที่ต้องเสนอเข้าบอร์ด ธ.ก.ส. มีทั้งรายละเอียดเงื่อนไข และงบประมาณที่จะใช้ตามนโยบายกึ่งการคลัง มาตรา 28 ที่ดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส. โดยเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นที่รัฐบาลเป็นห่วง เนื่องจากได้เตรียมงบประมาณไว้ในหลายมิติ
นอกจากนี้ กรณีที่พรรคก้าวไกล มีความกังวลเรื่องสภาพคล่องส่วนเกินของ ธ.ก.ส. ซึ่งมีเพียง 20,000 ล้านบาทนั้น เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินมีขึ้น มีลง เพราะเป็นการบริหารสภาพคล่องของธนาคาร สามารถทำได้ไม่ยาก ธนาคารมีเครื่องมือต่างๆ แต่จะต้องบอกล่วงหน้า โดยยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนให้ ธ.ก.ส. เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ถึงกรณีที่ธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย เหลือการเติบโตที่ 2.4% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยอยู่ที่ 2.5% นั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เชื่อมโยงกันในมิติของตัวเลข แต่เชื่อมโยงกัน ในมิติความสัมพันธ์ เรื่องการบริหารเศรษฐกิจ
โดยตัวเลข 2.4% ที่ธนาคารโลก ปรับประมาณการลงมานั้น ใกล้เคียงกับหลายสำนักงานเศรษฐกิจ ที่ได้ปรับประมาณการไว้ล่วงหน้า ขณะเดียวกัน หน่วยงานประมาณการเศรษฐกิจที่อยู่ในประเทศ จะมีความแม่นยำสูง เนื่องจากได้เห็นสถานการณ์ต่างๆ ได้เห็นสภาพข้อจำกัด สูงกว่าสถาบันที่ไม่ได้อยู่ในประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนกรณีที่กระทรวงการคลัง วางเป้าหมายไว้ให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ เติบโตที่ 3% นั้น ก็จะมีหลายมิติที่ต้องดูแล อาทิเช่น การท่องเที่ยว ต้องเพิ่มทั้งจำนวนนักท่องเที่ยว และรายจ่ายต่อหัว รวมทั้งการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกมาตรการทางภาษี มากระตุ้นเพิ่มเติม อีกทั้งจะทยอยออกมีมาตรการอื่นๆ ออกมาดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก เช่น การค้ำประกันสินเชื่อ เป็นต้น
นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้นนั้น ขอกล่าวว่า ปัจจุบันเงินเฟ้อทั่วไปต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย ซึ่งเงินเฟ้อขณะนี้ ตกกรอบมากว่า 1 ปีแล้ว แน่นอนว่า ไม่มีประเทศใดในโลก ยอมให้เงินเฟ้อตกกรอบในระยะเวลานานขนาดนี้ ซึ่งระยะเวลา 3-4 เดือน ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งเข้าไปดูแลแล้ว
“เงินเฟ้อต่ำกว่ากรอบเป็นเวลานาน นั่นหมายความว่า ไม่มีการจับจ่ายใช้สอย ประชาชนไม่ซื้อสินค้า ราคาสินค้าจึงไม่ขยับเพิ่มขึ้น แปลว่าสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจน้อย โดยสภาวะเช่นนี้ จะต้องเร่งแก้ไข” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมมาตรการกระตุ้นจากการคลังแล้ว เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.5% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.6% แต่หากรัฐบาล ยังนิ่งเฉยในเรื่องนี้ ปัจจุบันเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.2-0.3%
อีกทั้ง เมื่อถามว่า ธปท. มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ย จะต้องมองภาวะเศรษฐกิจโดยรวม นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้สภาวะเศรษฐกิจไทย เจอปัญหาหนักจากงบประมาณปี 2567 ออกมาล่าช้า ส่งผลทำให้ระบบเศรษฐกิจขาดแรงกระตุ้นอย่างเต็มที่ โดยโมเมนตัม ส่วนนี้จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่เรียกร้องให้มาตรการทางการเงินต้องเร่งขยับตัว รวมทั้งมาตรการทางการคลัง ต้องขยับตัวมากขึ้นตามไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัฐบาล ย้ำ ให้ความสำคัญการ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ คู่ขนานแจกเงิน
