“คลัง-แบงก์ชาติ” เห็นพ้อง ปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยประชาชน

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.เห็นชอบออกรายจ่ายเพิ่มเติมในงบประมาณการคลังปี 2567
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.เห็นชอบออกรายจ่ายเพิ่มเติมในงบประมาณการคลังปี 2567


คลัง-ธปท. เห็นพ้อง ปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยประชาชน มีเงินไว้ใช้จ่าย ชูแนวทาง ปรับโครงสร้างหนี้ ลดภาระการผ่อนชำระหนี้ให้น้อยลง ยึดระยะเวลาผ่อนนานขึ้น 

  • พร้อมจ่อปรับบทบาท บสย. ให้สามารถค้ำประกันได้มากขึ้น
  • หวังดันเอสเอ็มอี ประชาชน เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น
  • ผุดต่อเนื่อง PGS11 สร้างหลักประกันให้ธนาคาร ในการปล่อยสินเชื่อ อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งหามาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ผ่านหลายมาตรการ โดยเบื้องต้นได้จัดเตรียมแผน การเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชน 

ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ ให้ลูกหนี้ของสถาบันการเงิน ทั้งในฝั่งของธนาคารรัฐ และเอกชน ซึ่งในประเด็นนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เห็นด้วยกับแนวคิดดังล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า มาตรการที่เตรียมไว้ คือจะช่วยให้พี่น้องประชาชน มีเงินเหลือในกระเป๋า เพื่อนำไปใช้จ่ายมากขึ้นโดยแนวทางหนึ่งคือ จะเข้าไปช่วยให้ลูกหนี้ มีภาระการผ่อนชำระหนี้ที่ลดน้อยลง รวมถึงมีระยะเวลาการผ่อนชำระที่นานขึ้น

นอกจากนี้ เอสเอ็มอี ประชาชนกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ทางกระทรวงการคลัง ก็จะเข้าไปเพิ่มบทบาทให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สามารถค้ำประกันได้มากขึ้น 

“โดยในระยะแรก จะใช้วิธีการค้ำประกันในแบบเดิมไปก่อน ส่วนระยะต่อไป จะปรับโครงสร้างให้บสย. มีความคล่องตัว แข็งแรงมากขึ้น เพื่อให้สามารถค้ำประกันได้มากขึ้น เพราะหากพูดไป บสย. ก็คล้ายบริษัทประกันภัย ดังนั้นต้องทำหน้าที่ได้กว้างขึ้น”

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า ปัจจุบันสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ ของธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีวงเงินเกิน 500 ล้านบาท ขยายตัวได้ 3.3% แต่สินเชื่อที่มีวงเงินน้อยกว่า 500 ล้านบาท หดตัว -5.1% 

โดยระดับเงินกองทุน (BIS Ratio) อยู่ที่ 20.1% ระดับสภาพคล่อง Liquidity Coverage Ratio อยู่ที่ 202.5% และระดับ NPL coverage ratio อยู่ที่ 176.1%

“จากตัวเลขเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารมีเสถียรภาพมาก โดยเลือกปล่อยสินเชื่อ ให้เฉพาะธุรกิจใหญ่ แต่กลุ่มเอสเอ็มอี กลับถูกจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อ เพราะธนาคารไม่อยากรับความเสี่ยง โดยจากภาวะเช่นนี้ ทำให้เอสเอ็มอีหลายๆที่ ขาดน้ำหล่อเลี้ยง ส่งผลให้ต้องปิดตัวลง ชะลอการผลิต หยุดการจ้างงาน ซึ่งก็กระทบเศรษฐกิจภาพรวม” 

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขี้น กระทรวงการคลัง จึงต้องการช่วยเหลือ SMEs โดยเตรียมมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS11) โดย บสย. เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันให้ธนาคาร ในการปล่อยสินเชื่อ และอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินโดยด่วน 

โดยกลไกนี้ จะลดความเสี่ยง และเพิ่มหลักประกันให้กับ SMEs ในการประเมินของธนาคาร รวมถึงช่วย SMEs ที่ไม่มีหลักประกัน หรือมีไม่เพียงพอ ให้เขาเหล่านั้น สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 มีวงเงินโครงการ 50,000 ล้านบาท โดยให้วงเงินต่อราย ไม่เกิน 40 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี 

โดยค้ำประกันตลอดโครงการไม่เกิน 30% และให้ความสำคัญในการค้ำประกัน “SMEs รายใหม่” เป็นลำดับแรกเพื่อกระจายการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยถึง มาตรฐานบัญชีใหม่ (ไอเอฟอาร์เอส 9) ว่าขณะนี้กระทรวงการคลังได้เห็นชอบ ให้มีการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐออกไปอีก 2 ปี จากเดิมจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 68 ขยับออกไปเป็นปี 70 แทน

ทั้งนี้ เพื่อให้เวลาธนาคารรัฐ ได้มีเวลาปรับตัว กับการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่เพิ่มเติม หลังจากที่ผ่านมา ได้เผชิญวิกฤตโควิด ทำให้ต้องมีภารกิจดูแลประชาชน กลุ่มเปราะบางที่มีหนี้เสีย และหนี้ค้างชำระจำนวนมาก

ทั้งนี้ แม้การจัดทำมาตรฐาน ไอเอฟอาร์เอส 9 จะช่วยยกระดับการทำมาตรฐาน ทางบัญชีของธนาคารรัฐ ให้เป็นสากลยิ่งขึ้นแต่ก็อาจทำให้ธนาคารรัฐบางแห่ง มีผลกระทบเกี่ยวกับการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่

โดยเฉพาะประเด็นการประเมินการด้อยค่า ทางเครดิตของสินทรัพย์ จนอาจทำให้กระทบต่อการดำเนินงาน ทำให้ธนาคารรัฐ ที่มีลูกค้าที่ผิดนัดชำระจำนวนมาก ต้องมีภาระการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การเลื่อนใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ของธนาคารรัฐครั้งนี้ เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ต่อสถาบันการเงินเพราะธนาคารส่วนใหญ่ มีภารกิจเฉพาะทาง ในการสนับสนุนภาครัฐ ไม่ได้ทำธุรกิจการเงินระหว่างประเทศมากเท่าไร

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ออกไปอีก 2 ปี ในครั้งนี้ ได้กำหนดให้ทุกธนาคาร จะต้องมีการซักซ้อมทำบัญชีมาตรฐานใหม่ ไอเอฟอาร์เอส 9 ควบคู่กับมาตรฐานบัญชีปัจจุบันไปด้วย

เพื่อให้แต่ละธนาคาร สามารถปรับตัว และรับทราบสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จากมาตรฐานบัญชีใหม่ ก่อนที่จะเริ่มใช้จริงในปี 70 ต่อไป

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม.เศรษฐกิจ เร่งหาแนวทางแก้ปัญหา ดันเศรษฐกิจฟื้นตัว