5 ข้อ ควรรู้ก่อนเข้าสู่เทศกาลกินเจ

เทศกาลกินเจปี 2563 นี้ ตรงกับวันที่ 17-25 ตุลาคม  และในสถานการณ์ที่ประเทศชาติกำลังวุ่นวาย ขณะที่โควิด-19 ก็ยังต้องกังวล คงจะมีคนไทยหลายคนที่เลือกที่จะสร้างบุญสร้างกุศลด้วยการกินเจ ซึ่งจะจิตใจสบาย และสุขภาพร่างกายสดชื่น

แต่สำหรับมือใหม่ เรามี 5 ข้อที่ควรรู้และทำความเข้าใจก่อนที่จะเริ่มกินเจมาฝากกัน

ข้อที่ 1.เทศกาลกินเจทั้งสิ้น 10 วัน

เทศกาลกินเจปกติแล้วจะถือศีลกินเจกัน 9 วัน แต่เมื่อรวมวันล้างท้องเข้าไปด้วย 1 วัน การกินเจจะเป็น 10 วัน ซึ่งการล้างท้องก่อนกินเจปี 2563 ตรงกับวันที่ 16 ตุลาคม โดยวิธีล้างท้อง ก่อนกินเจนั้น คือ การเริ่มกินเจก่อนถึงวันเทศกาลเจจริง 1วัน โดpเริ่มงดเว้นเนื้อสัตว์ ผัก และอาหารต้องห้ามทุกชนิดเพื่อชะล้างเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกให้หมดสิ้น เมื่อถึงวันถือศีลกินเจ ร่างกายจะได้สะอาด พร้อมถือศีลกินเจตามประเพณี

หรือในช่วงก่อนหน้าวันเทศกาลจริง 2-3 วัน หากยังไม่สามารถละเว้นเนื้อสัตว์ได้ในทันที ให้ปรับทีละน้อย โดยเปลี่ยนจากการกินเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว มากินเป็นเนื้อปลา และเน้นกินโปรตีนจำพวกถั่วต่าง ๆ พร้อมกับเพิ่มผัก-ผลไม้ลงไปในมื้ออาหาร เพื่อให้ระบบย่อยอาหารเริ่มปรับตัว

ข้อที่ 2 ถือศีล พร้อมกับกินเจ

การกินเจไม่ได้มุ่งไปที่การงดเว้นเนื้อสัตว์และอาหารกลิ่นฉุน จะต้องถือศีลไปพร้อมๆ กันด้วย โดยถือศีลที่ปาก ที่กายและที่ใจ  โดยเตรียมใจให้บริสุทธิ์ผุดผ่องตั้งแต่วันล้างท้อง ไปจนตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 

การกินเจที่ปาก คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่พูดคำหยาบ ไม่โอ้อวด ไม่พูดจาส่อเสียดใคร การกินเจที่กาย คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ก่อกรรมทำชั่ว ไม่ปฏิบัติตนผิดไปจากหลักศีลธรรมอันดี และถือศีล 5 เป็นอย่างน้อย ส่วนการกินเจที่ใจ คือ ไม่คิดร้ายให้ใคร ไม่คิดเพ้อเจ้อไร้สาระ มีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว

ข้อที่ 3 อาหารต้องห้าม สำหรับกินเจ

นอกเหนือจากงดเว้นนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์แล้ว  ยังรวมไปถึงงดนม เนย หรือนำ้มันที่ทำจากสัตว์ทั้งหมดด้วยโดยหลักของการกินเจ แม้จะเน้นให้กินผัก แต่จะต้องงดเว้นผักฉุน 5 ชนิด ซึ่งได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว(กระเทียมโทนจีน) กุ่ยช่าย และใบยาสูบ เพราะมีความเชื่อว่าผักเหล่านี้มีรสหนัก กลิ่นฉุน และยังมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ซึ่งเป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ

นอกจากนั้น ยังห้ามทานอาหารรสจัด เพราะกระตุ้นต่อมการทำงานของร่างกายให้ทำงานหนักขึ้น  เป็นผลให้จิตใจของเราไม่สงบในช่วงถือศีล ส่วนดื่มกาแฟได้หรือไม่นั้น ควรเป็นกาแฟดำ หรือโอเลี้ยงที่ไม่มีส่วนผสมของครีม หรือน้ำนมจากสัตว์ หรือถ้าเป็นกาแฟสำเร็จรูป ควรซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์เจ เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถดื่มได้จะดีกว่า

ข้อที่ 4  ไม่ใช้ถ้วยชามปนกัน

ชาวจีนเชื่อว่าการใช้ภาชนะใส่อาหารคาว ซึ่งชาวจีนจะเรียก “ชอ” นั้น ไม่ควรนำมาปะปนกับอาหารชนิดอื่น จะต้องทำความสะอาดจานชามให้หมดจด (ล้างคราบคาวจากเนื้อสัตว์) และหากเคร่งมาก ๆ อาจใช้จานชามชุดใหม่สำหรับกินเจโดยเฉพาะ รวมทั้ง ล้างหรือจัดตู้เย็นใหม่ โดยอาจจะเคลียร์อาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารต้องห้ามในช่วงกินเจออกไป หรือแยกเก็บไว้ เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับเก็บอาหารเจ

แต่ข้อนี้สามารถอนุโลมได้บ้าง สำหรับผู้ที่ไม่ได้เคร่งครัดเป็นพิเศษ

ข้อที่ 5 ห้ามตะเกียงทั้ง 9 ดวงดับ

ในเทศกาลกินเจ จะมีการจุดตะเกียงทั้ง 9 ดวง ซึ่งส่วนใหญ่จะจุดกันที่ “แจตั๊ว” ซึ่งหมายถึง สถานที่กินเจ อย่างเช่นศาสเจ้า โรงเจ โรงทาน เป็นต้น โดยตะเกียงทั้ง 9 ดวงนี้จะสมมติเป็น “เก๊าฮ้วงฮุดโจ้ว” (พระพุทธ 9 องค์เสด็จลงมาโปรดสัตว์ในเมืองมนุษย์)  ต้องจุดไว้ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดช่วงเทศกาลกินเจทั้ง 9 วัน เพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด จึงต้องไม่ให้ตะเกียงทั้ง 9 ดวงนี้ดับเพราะถ้าดับตะเกียงดวงใดดวงหนึ่ง ก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคล