ข่าวดิบสัปดาห์นี้ ไม่ได้ปล่อยออกมาลอยๆ แต่ปล่อยแบบดิบๆออกมาทั้งดุ้นว่า เดือน ก.พ.63 จะมีการอภิ ปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกกระทอก แต่กระทอกนี้ ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรในรัฐบาล หรือ พรรคแกนนำรัฐบาล “พลังประชารัฐ” กันบ้างล่ะก็…อาจมีปัญหาจ้ะ
ตามคำพยากรณ์ของโหรช่ือดังหลายคน ระบุว่า เดือน ก.พ.63 จะเป็นเดือนที่ดวงดาวมีการเคลื่อนย้ายพอดี โดยเฉพาะดาวพฤหัส กับ ดาวเสาร์ จะย้ายไปเข้าราศีกุมพ์ ก็นั่นแหละที่เป็นช่วงเวลาของปัญหา และความยุ่งยากทาง การเมือง ตรงกันพอดีกับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
นี่ก็เห็นว่า กรณี “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท ผู้ให้การช่วยเหลือพรรค พปชร.ชนิดที่เรียกว่า ลงทั้งทุน ลงทั้งแรง แต่กลับไม่ได้อะไรเลยเนี่ย ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งว่า จะหาทางออกให้กับ เสี่ยแฮงค์ กันหรือไม่ และอย่างไร?!
ข่างวงในแบเบอออกมาว่า กลุ่มสามมิตร อยากจะรอดูว่ารัฐบาล กับ พรรคประชาธิปัตย์ จะจัดการกับพวกที่เทเสียงไปให้พรรคฝ่ายค้านในการโหวตรับหรือไม่รับญัตติให้ตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบม.44 อย่างไร? เพราะมันอาจนำไปสู่การโหวตให้นายกฯลุงตู่ชนะหรือไม่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวหน้าด้วยก็ได้…ใครจะไปรู้ คนสมัย นี้ รู้หน้า แต่ยากจะรู้ใจ ขนาดคบกันมายี่สิบสามสิบปียังหักหลังกันได้
ที่สำคัญ คือ ต้องถามพรรคประชาธิปัตย์ว่า คนเหล่านั้นน่ะ เขาได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่า ไม่ประสงค์จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับกลุ่มสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทีนี้พรรคพวกเขาที่เล้ือยยาวเป็นงูเห่าด้วย จะว่าอย่างไร โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคอย่าง จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์
ส่วนที่มีข่าวกระพือออกมาว่า “จอมยุทธกวง” ดร.สมคิด จาตุศรีทักษ์ รองนายกฯ กระบี่มือหน่ึงของรัฐบาล นายกฯลุงตู่ ยอมที่จะให้ “เสี่ยแฮงค์” เข้าไปนั่งเป็นเลขาธิการพรรค พปชร.แทน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานน่ะ นัยว่า ไม่น่าจะเพียงพอต่อความเจ็บแสบแปลบหัวใจของ“เสี่ยแฮงค์” 1 ใน 3 ของกลุ่มสามิตรที่ถูกหักหลังมาตั้งแต่ไก่โห่นะ
ดังนี้ เก้าอี้ รมว.กระทรวงพลังงานของ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จึงมีโอกาสส่ันคลอน และตกไปเป็นของ “เสี่ยแฮงค์” หรือ 1 ใน 3 ของกลุ่มสามมิตรได้ ที่สำคัญ อย่างลืม สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม ที่ยังคง จ่ายค่าดูแล สส.ของพรรค พปชร.อยู่อย่างต่อเนื่องทุกเดือนๆด้วย
ปัญหาคือ ถ้าเก้าอี้รมว.กระทรวงพลังงานถูกกระทบ จะส่งผลกระเทือนไปถึงการพิจารณาแต่งตั้งผู้ดำรงตำ แหน่ง CEO (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)คนใหม่ของ บมจ.ปตท.ด้วยหรือไม่…เป็นเรื่องน่าคิด น่าติดตามว่า ถ้าเอาคนที่ไม่ได้อยู่ในก๊วนในแกงค์ของกลุ่มอำนาจเก่าเข้าไป ปตท.จะเกิดความระส่ำระสายหรือไม่
คำตอบจากกลุ่มสามมิตร ง่ายๆ สั้นๆ ว่า มาร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ประสงค์จะมีวาระซ่อนเร้นกับใคร หรือ หักโอกาส และธุรกิจของใคร…สมัยนี้ การเมืองจะอยู่รอดได้ต้องจับมือกับภาคธุรกิจ เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ไปเพื่อความ อยู่รอดของทุกฝ่าย เรียกว่า เกี้ยเซี๊ยะกันให้ลงตัว เป็นใช้ได้
ว่าแล้ว ก็ต้องจับตาดูกันต่อด้วยว่า ใครจะได้นั่งเก้าอี้ CEO ปตท. ระหว่างผู้เสนอตัวเข้าชิงตำแหน่งนี้ 6 คนด้วยกันคือ 1.ชวลิต ทิพพาวนิช CEO จาก GPSC บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์นี่ 2.วิรัตน์ เอื้อนฤมิต CEO บมจ. ไทยออยล์ (TOP) 3.อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ CEO กลุ่มธุรกิจปิโตรเลี่ยมขั้นปลาย บมจ.ปตท. 4. นพดล ปุ่นสุภา CEO IRPC 5.น.ส.เพียงพนอ บุญกล่ำ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักกฏหมาย บมจ.ปตท.และ 6.น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการ CEO PTTOR ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก ที่กำลังรอเข้าระดมทุนในตลาด
ว่ากันว่า การแข่งขันครั้งนี้ น่าจะดุเดือด หากมีการแต่งตั้ง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต CEO ปตท. และอดีต รมช.คมนาคมในรัฐบาลนายกฯลงุตู่ 1 เข้าไปนั่งเป็นกรรมการบอร์ด ปตท.ได้ เขาก็มีโอกาสจะโน้มน้าวนายกฯลุงตู่ให้เลือกคนที่วางตัวไว้สืบทอดอำนาจได้ โดยเฉพาะเมื่อ ปตท.อยู่ในกำมือของเขา และพวก รวมถึง นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร CEO คนอัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระลงในเดือนพ.ค.ปีหน้า
สัปดาห์นี้ ว่ากันแค่นี้ก่อน สัปดาห์หน้ามาดูกันอีกทีว่า การเลือก CEO ปตท.คนใหม่จะดุเดือดเลือดพล่านกันขนาดไหน
