2 กูรู แนะนักลงทุนตลาดคริปโท ช่วงขาลง “ถือเงินสดไว้ก่อน-ซื้อพันธบัตรรัฐ”

  • ไตรมาส 3-4 การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ยังกดดัน
  • ระวังวิกฤตฟองสบู่ตลาดอสังหาฯ
  • วิกฤตสงครามระหว่างประเทศ

วันที่ 20 สิงหาคม 2565 นายคิม ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ เจ้าของช่อง Kim Property กล่าวถึงสถานการณ์ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในไตรมาส 3-4 ปี 2565 และในปี 2566 ว่าในปัจจุบัน ตลาดคริปโทฯ ถือว่าเป็นที่สนใจระดับวงกว้างแล้ว เพราะมีทั้งกองทุนหรือบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาถือคริปโทฯ ด้วย สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ ตลาดทุนหรือเศรษฐกิจโลกมีความสัมพันธ์กับตลาดคริปโท เช่น เมื่อตลาดหุ้นราคาขึ้นหรือลง ฝั่งคริปโทก็ผันผวนตาม สำหรับระยะอย่างไตรมาส 3-4 มองถึงแรงกดดันและเหตุการณ์น่าจับตายังเป็นเรื่องของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ก่อนหน้าก็มีการปรับไป 3 ครั้ง ที่ระดับ 0.25% 0.5% 0.75% และอาจจะขึ้นต่ออีกในปลายปี หากสถานการณ์ยังย่ำแย่ เพราะการปรับดอกเบี้ย จำเป็นต้องมากกว่าเงินเฟ้อ เช่น เงินเฟ้ออยู่ที่ 5% ดอกเบี้ย 7% รวมไปถึงการทำ QT หรือการปรับสภาพคล่องที่ยังดำเนินการไปได้ไม่มาก และความเสี่ยงจากปัจจัยที่ 3 คือ ให้ระวังวิกฤตฟองสบู่ตลาดอสังหาฯ และวิกฤตสงครามระหว่างประเทศ ทั้ง จีน รัสเซีย ไต้หวัน ที่ยังคงส่งผลในปีนี้หรืออาจจะกินเวลาไปจนถึงในปีหน้าเลย

นายคิม ตอบซักถามถึงการแนะเทคนิคการเอาตัวรอดในสภาวะเงินเฟ้อ พร้อมวิธีจัดการพอร์ต (Money Management) ในช่วงขาลง ว่าในตอนนี้ก็บอกได้ว่า สถานการณ์ไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย ผมแนะนำให้ถือเงินสดเป็นหลักสำคัญ เผื่อไว้ในระยะเวลา 6 – 7 เดือน ส่วนการจัดพอร์ตระยะสั้น เล็งเห็นถึงข้อดีของการปรับขึ้นดอกเบี้ย คือ อาจะซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้ เพราะผลตอบแทนค่อนข้างน่าสนใจ สำดับถัดมามองที่ หุ้น Growth ที่สามารถสร้างผลกำไรได้ดีจาก Clash Flow เช่น Apple, Google, Amazon และจึงจะเป็นคริปโทฯ ในลำดับสุดท้าย ยังคงเน้นย้ำว่าให้ใช้เงินเย็นจริง ๆ มาลงทุน และต้องศึกษาให้ดีรู้จุด Take Profit & Cutloss ตั้งให้ดี เพราะถ้ากระทบหรือผิดทาง อาจสูญเงินไปในทั้งหมด และหากมีความเชี่ยวชาญมากพออาจจะลองทำการบ้านเพิ่มในเรื่องของ NFT หรือถือเหรียญสกุลรองอื่น ๆ

นายคิม กล่าวถึงตลาดขาขึ้นจะกลับมาในปี 2567 นั้น คงต้องดูหลายเหตุการณ์ประกอบ ทั้งการต้องเกิดแรงกระแทกแรง ๆ จากนโยบายของ FED หรือเศรษฐกิจถ้ายังถดถอย ก็มีโอกาสที่ FED ที่จะกลับลำอัดฉีดเงินเข้าไปใหม่แต่คงยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ ในส่วนเหตุการณ์การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum น่าจะเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะเปลี่ยน Tokenomics แต่ไม่ใช่ตัวแปรหลัก มองในบวกก็ช่วยดันราคาตลาดและสร้างแรงกระเพื่อมได้ในแง่การยกฐาน

นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Satang Pro บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แนะผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Firo กล่าวถึงมุมมองว่าตลาดคริปโทฯ หาก Ethereum อัปเกรด The Merge สำเร็จ เป็นไปได้หรือไม่ตลาดขาขึ้น (Bullish) จะกลับมาในปีหน้า นั้นว่า ในส่วนของการอัปเกรด The Merge มองว่าเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ราคา ETH ขึ้น แต่มองไว้สองระยะคือ ช่วงกำลังอัปเกรดและช่วงที่อัปเกรดเสร็จเรียบร้อยในวีคแรก หลังจากนั้น ราคาน่าจะลดลง ระบบการทำงานใหม่อย่าง PoS อาจส่งให้เกิดแรงกดดันในการขายน้อยไปและสภาพคล่อง ETH จะลดลง

เมื่อถามถึงที่ตลาดขาขึ้นจะกลับมาในปี2567อันนี้ตอบได้ยาก เพราะตอนนี้เรายังไม่รู้จุดต่ำสุดของตลาดหมี นั้น นายปรมินทร์ กล่าวว่าตลาดขาลงแบบนี้ ไม่ต้องรีบเร่ง ถ้าเงินที่ลงทุนตอนนี้เป็นเงินเย็นยังไม่ต้องรีบขาย ใช้เวลาศึกษาโปรเจกต์ ถ้าคริปโทฯ ที่ยังมีการพัฒนาโปรเจกต์อยู่ มีการดูแล Community ที่ดี ก็จะฉุกคิดได้ว่าโปรเจกต์เหล่านั้นตั้งใจพัฒนาจริง เป็นตัวจริง แล้วรอสร้างผลกำไรจากตลาดได้ในช่วงขาขึ้น (Bullish) และเราก็จะสามารถปรับตัวได้ทันในตลาดหมีรอบหน้าด้วย

สำหรับการที่ก.ล.ต. เปิดให้ยื่นคำขอ License Custodian มองว่าเกิดจากกรณีของ Zipmex หรือไม่ ทาง Satang Pro มีการเก็บสินทรัพย์ลูกค้าอย่างไรนั้น มองว่าไม่เกี่ยวกับกรณีของ Zipmex เรื่องของ License Custodian มีการพูดถึงมานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงก่อนตลาดกระทิงปีที่แล้ว จึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดกับ Zipmex และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตามลำดับตั้งแต่การหารือ ออก Hearing และประกาศแจ้ง ทุก Exchange ที่มีใบอนุญาตทราบดีว่าจะต้องมีการแยก License Custodian

“ในส่วนของ Satang Pro ผมในฐานะกรรมการอิสระ อาจจะไม่ทราบการจัดการอย่างแน่ชัด แต่ทุก Exchange สินทรัพย์และคริปโทฯ ของลูกค้าให้ถือเป็นภาระหนี้ที่บริษัทต้องรับไว้ ซึ่งไม่สามารถแตะต้องหรือหาผลประโยชน์ได้ ทั้งนี้ เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. อยู่แล้วด้วย”