ไม่เชื่อ!…พรรคก้าวไกลจับมือพรรคประชาชาติแน่น-จ่อยื่น ป.ป.ช. ฟัน”ศักดิ์สยาม”ปมซุกหุ้นยันไม่เชื่อมีซื้อ ขาย โอนกันจริง

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงถึงการชี้แจงกรณีซุกหุ้นให้นอมินีถือกิจการแทนของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมว่า นายศักดิ์สยามได้ชี้แจงกรณีที่ตนได้อภิปรายไป และมีการแสดงหลักฐานว่า มีการจ่ายเงินโอนหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จริงในราคา 120 ล้านบาทโดยประมาณ ซึ่งตนได้อภิปรายไปว่า หจก.ที่มีสินทรัพย์มีรายได้มากขนาดนี้ การซื้อขายกันแค่ 120 ล้านบาท ในราคาทุนมันดูไม่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามเมื่อขายไปแล้ว หจก. แห่งนี้ก็กลับมาได้งานของกระทรวงคมนาคม ในขณะที่นายศักดิ์สยามดำรงตำแหน่งอยู่ มูลค่าเป็น 1,000 ล้านบาท ซึ่งนายศักดิ์สยามจะบอกว่า เป็นเรื่องส่วนตัวว่า จะขายกิจการในราคาตนก็เคารพ แต่ประชาชนจะติดสินได้เองว่า การกระทำธุรกิจครั้งนี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อีกประเด็นคือ ถ้ามีการโอน 120 ล้านบาท เงินส่วนนี้มันหายไปไหนจากบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม เพราะการซื้อขายเกิดขึ้น 16 เดือน ก่อนที่นายศักดิ์สยามจะยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. อีกประเด็นที่น่าสนใจ ท่านนำหลักฐานมาชี้แจงมีการโอนเงินค่าหุ้นในงวดแรกก่อนที่จะโอนหุ้นจริงๆ ถึง 5 เดือน ซึ่งตนคิดว่า เป็นการซื้อขายที่แปลกมาก จ่ายเงินก่อนยังไม่มีการเซ็นโอนหุ้นให้กัน ก็น่าจะต้องเชื่อใจกันมากพอสมควร

อย่างไรก็ตามหากท่านจะบอกว่า นำเงิน 120 ล้านบาทไปใช้หนี้ ไปใช้จ่ายส่วนตัวหมดแล้ว จึงไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สิน ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านอีกเช่นกัน ตนคงไม่ก้าวล่วง แต่ หจก.แห่งนี้มีการขายออกไปหรือโอนออกไปคือต้นปี 2561 แต่ปรากฏว่า ปลายปี 2560 หจก.แห่งนี้เป็นเจ้าหนี้ของหุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 69 ล้านบาท หมายความว่า ก่อนที่จะโอนหุ้นออกนายศักดิ์สยาม เป็นหนี้ หจก.ดังกล่าวอยู่ 69 ล้านบาท ปรากฏว่า สิ้นปี 2561 จำนวนหนี้ตรงนี้ยังเขียนเหมือนเดิมว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 69 ล้านบาทเท่าเดิม แต่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนจึงสงสัยว่า ตอนที่ขายหุ้นกันมีการโอนหุ้นออกไปหรือไม่ โดยแบ่งเป็น 3 กรณี คือ1.ถ้าขายกันที่ 120 ล้านและโอนหนี้ให้กับผู้จัดการคนใหม่ แปลว่า นายศักดิ์สยาม ได้กำไรจากการขายกิจการนี้ 69 ล้านบาท ต้องยื่นภาษี แต่นายศักดิ์สยามไม่ได้ยื่น  2.ถ้านายศักดิ์สยามไม่ได้โอนหนี้ออกไปแปลว่า หนี้นี้เป็นหนี้สินส่วนตัวของนายศักดิ์สยาม และต้องยื่นบัญชีต่อป.ป.ช. ซึ่งก็ไม่ได้ยื่นเช่นกัน 3.ถ้าบอกว่า เอาเงินที่ขายหุ้นมาใช้หนี้ แต่ 1 ปีผ่านไปเจ้าของคนใหม่ก็ยังเป็นหนี้ หจก.อยู่ 69 ล้านบาทเท่าเดิมเป๊ะๆ  จึงตั้งข้อสังเกตว่า ตัวเลขนี้ไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงและมีการจ่ายหนี้กันจริงและไม่ได้แสดงในบัญชีทรัพย์สินด้วย

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า นายศักดิ์สยามไม่มีทางออกเรื่องนี้ สิ่งที่ตนพูดมาพร้อมหลักฐานที่ได้อภิปรายไปน่าจะมัดตัวนายศักดิ์สยาม ได้ค่อนข้างแน่นพอสมควร ดังนั้นจึงหารือกับฝ่ายกฎหมายของพรรคก้าวไกล และ พรรคประชาชาติ ที่อภิปรายเรื่องนี้เหมือนกัน เพื่อร่วมกันยื่นต่อหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบและสอบสวนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและการถือครองธุรกิจที่ใช้นิติกรรมอำพราง เอาผิดนายศักดิ์สยามต่อไป