ไม่รอช้า!…”ศักดิ์สยาม”ลงพื้นที่จังหวัดสงขลาติดตามความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐาน”บก น้ำ ราง อากาศ” มั่นใจเชื่อมต่อขนส่งโลจิสติกส์ เพิ่มศักยภาพการค้าการลงทุนท่องเที่ยว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดสงขลาว่า ในส่วนของการพัฒนาทางถนน ได้ติดตามโครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา เชื่อมระหว่าง อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา กับ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ความยาว 7,000 เมตร เชื่อมต่อถนนสายหลักระหว่างถนนเพชรเกษม (ทล.4) กับถนนทางหลวงหมายเลข 408 ช่วยลดระยะทางการเดินทางระหว่างจังหวัดจาก 80 กิโลเมตร ให้เหลือประมาณ 7 กิโลเมตร และสามารถใช้เป็นเส้นทางอพยพประชาชนหากเกิดภัยพิบัติได้ รวมทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา โดยปัจจุบันผ่านความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว มีกำหนดเริ่มก่อสร้างในปี 66 และเปิดบริการในปี 69

นอกจากนั้นยังได้ติดตามโครงการพัฒนาทางถนนสำคัญในพื้นที่จังหวัดสงขลา เช่น การพัฒนาโครงข่ายทางหลวง ทล. 42 บ้านคลองแงะ – จุดผ่านแดนสุไหงโก-ลก ตอนบ้านโตนนท์ – บ้านลำชิง ระยะทาง 10.72 กม. รวมทั้งแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงในอนาคตกว่า 113 กิโลเมตร ส่วนโครงข่ายทางหลวงชนบทนั้นได้ติดตาม ถนนสาย สข.4009 แยก ทล.4083 – บ้านกระแสสินธุ์ จ.สงขลา ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะช่วยสนับสุนนการท่องเที่ยวชายทะเลชายฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย (Thailand Rivera) และบริเวณรอบทะเลสาบสงขลา ซึ่งกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จปี 66 ,นอกจากนั้นยังมีโครงการศึกษาความเหมาะสมและสำรวจออกแบบถนนเลี่ยงเมืองสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งโลจิสติกส์ อำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนการท่องเที่ยว

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้ดำเนินการศึกษาแผนพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองร่วมกับระบบราง (MR-MAP) ที่ประกอบไปด้วยถนนมอเตอร์เวย์และทางรถไฟอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางในพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ส่งเสริมการขนส่งสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้มีเส้นทางสำคัญผ่านพื้นที่จังหวัดสงขลาคือ MR 1 ช่วงเชียงราย – นราธิวาส ขณะเดียวกันได้เดินหน้าพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท เชื่อมโยงสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ พื้นที่ตัวเมือง อำเภอต่าง ๆ และจังหวัดใกล้เคียง ให้มีความครอบคลุมเป็นโครงข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ในส่วนชองการพัฒนาระบบรางนั้น กระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะดำเนินการพัฒนารถไฟทางคู่ โดยมีเส้นทางสำคัญผ่านในพื้นที่ จ.สงขลา ได้แก่ 1. สุราษฎร์ธานี – หาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 339 กม. 2. หาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 48 กม. 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในส่วนของการพัฒนาทางน้ำในพื้นที่จังหวัดสงขลานั้น กระทรวงคมนาคมมีโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลาตอนล่าง ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในปี 64 ที่ผ่านมา สามารถแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง รักษาวิถีชีวิตการประกอบอาชีพประมง และส่งเสริมการท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังมีโครงการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำชายฝั่งทะเล จำนวน 11 ร่องน้ำ เพื่อป้องกันการกัดเซาะ ลดปัญหาอุทกภัยระดับรุนแรง โดยมีแผนดำเนินการแล้วเสร็จเดือนกันยายน 65 นอกจากนั้นยังโครงการพัฒนาในอนาคต เช่น โครงการขุดลอกร่องน้ำสงขลา (ร่องนอก) ซึ่งเป็นร่องน้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นเส้นทางเดินเรือสินค้าเพื่อเข้าเทียบท่าท่าเรือสงขลา โดยอยู่ระหว่างจัดทำแบบ และการก่อสร้างขุดลอกร่องน้ำร่องกลางทะเลสาบสงขลาตอนล่าง

ส่วนการพัฒนาทางอากาศนั้น  ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าพัฒนา สนามบินหาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีขีดความสามารถ     ในการรองรับผู้โดยสาร 2.5 ล้านคนต่อปี โดยมีแผนการพัฒนา เช่น ขยายลานจอดรถ ก่อสร้างอาคารจอดรถ อาคารผู้โดยสาร อาคารคลังสินค้าหลังใหม่ รวมถึงระบบสาธารณูปโภค ปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวนแผนแม่บท กำหนดระยะเวลาโครงการ 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ตนยังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินงานก่อสร้างทุกโครงการ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรก รวมทั้งความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และดำเนินการตามมาตรการและแนวปฏิบัติระยะยาวสำหรับโครงการก่อสร้างของกระทรวงคมนาคมทั้งหมด รวมถึงสอบถามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และความคิดเห็นขององค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดทำโครงการและงบประมาณลงพื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเน้นย้ำให้การดำเนินงานในทุกส่วน โดยเฉพาะกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงจัดทำ checklist เพื่อติดตามการขับเคลื่อนการเบิกจ่ายงบประมาณในปี พ.ศ. 2566 ให้เป็นไปตามแผนงานต่อไป และให้ใช้วิธีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูล การดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมให้ทันสมัย และครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย