สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ‘ไฟเซอร์’ และ ‘ไบโอเอ็นเทค’ วางแผนยื่นขออนุมัติจากทางการสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) ไฟเขียววัคซีนบูสเตอร์หรือวัคซีนโดสที่ 3 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อต้านไวรัสโควิดเดลต้าที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วตามหลักฐานความเสี่ยงของการเชื้อหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว 6 เดือน
สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันการติดเชื้อสหรัฐฯ (CDC) ออกแถลงการณ์ร่วมที่ระบุว่า ชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วนั้น ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม FDA และ CDC ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินการแจกจ่ายวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน “ถ้าหาก และ เมื่อ มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า” มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนบูสเตอร์จริงๆ
ขณะที่ สำนักงานยายุโรป (EMA) กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า ควรมีการแจกจ่ายวัคซีนเข็มที่ 3 หรือไม่ พร้อมแสดงความมั่นใจว่า การฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดสนั้นเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดแล้ว
ดร.ไมเคิล โดลสเตน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์ รายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลระบุว่าวัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อลดลงเหลือ 64% ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนในเดือนมกราคหรือกุมภาพันธ์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสามารถป้องกันไวรัสเดลต้าได้ แต่หลังจากฉีดวัคซีน 6 เดือน เมื่อสารภูมิต้านทานในร่างกายลดลงต่ำถึงระดับหนึ่ง มีแนวโน้มมว่าจะติดโควิดซ้ำในระดับอ่อนๆ โดยข้อมูลจะถูกส่งไปให้ FDA ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
เขายังกล่าวด้วยว่า หลายประเทศในยุโรปและทวีปอื่นๆ เริ่มติดต่อมายังไฟเซอร์ เพื่อหารือการจัดหาวัคซีนบูสเตอร์ แล้ว และบางรายอาจจะเริ่มทำการฉีดก่อนที่หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ
ดร.โดลสเตน กล่าวว่า ไฟเซอร์ จะเริ่มการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนบูสเตอร์ กับอาสาสมัครจำนวน 10,000 คน โดยจะมีการใช้ยาหลอก (Placebo) เข้าร่วมด้วย ตลอดช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งหมายความว่า กระบวนการนี้จะไม่มีทางเสร็จสิ้นก่อนบริษัทจะยื่นเรื่องขออนุมัติต่อ FDA
เขากล่าวด้วยว่า สำหรับความต้องการวัคซีนต้านไวรัสโควิดที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกนั้นทางไฟเซอร์ตั้งเป้าที่จะผลิตวัคซีนในปีนี้ให้ได้ 3,000 ล้านโดสและเพิ่มเป็น 4,000 ล้านโดสในปีหน้า
ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ระบุว่า ได้ออกแบบวัคซีนต้านโควิดรุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์ดลต้า โดยการทดลองทางคลินิกน่าจะเริ่มในเดือนสิงหาคม แต่เสริมว่าวัคซีนรุ่นปัจจุบันมี “ศักยภาพ” เพียงพอที่จะป้องกันสายพันธุ์เดลต้าได้
ที่มา- www.reuters.com
