สำนักข่าวอินโพเควส์รายงานว่า บริษัทไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดระบุว่าบริษัทจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิดของไฟเซอร์ให้กับประเทศไทยล็อตแรก 10 ล้านโดสไม่เกินสิ้นเดือนก.ค.นี้โดยการนำเข้าในล็อตนี้เป็นการส่งมอบให้กับรัฐบาลโดยตรงเท่านั้นยังไม่มีการขายให้กับภาคเอกชนส่วนล็อตอื่นๆจะมีการนำเข้ามาเมื่อใดและจำนวนกี่โดสนั้นจะหารือกันในขั้นตอนต่อไป
ขณะเดียวกันเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ออกแถลงการณ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อวัคซีน ‘ซิโนแวค’ (Sinovac) ของรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม
เนื่องจากปัจจุบันปรากฏข่าวสารสับสนเกี่ยวกับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ทางโลกออนไลน์ โดยระบุว่า (1) ซีพีถือหุ้นซิโนแวค 15% และ (2) ซีพีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อวัคซีนซิโนแวคของรัฐบาลนั้น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้อมูลดังกล่าว ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยมีข้อเท็จจริง ดังนี้
- การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค เป็นแบบรัฐบาล ต่อรัฐบาล (G2G) เท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับซีพีทั้งทางตรงและทางอ้อม
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น บริษัทซิโนแวค 15% ตามที่เป็นข่าว โดย
- ข้อเท็จจริงผู้ลงทุนคือ Sino Biopharmaceutical ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของจีน จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัท Sino Biopharmaceutical นี้ เท่านั้น
- ข้อเท็จจริงผู้ขายหุ้นคือ Sinovac Life Sciencesเป็นบริษัทลูกของบริษัท ซิโนแวค ต้องการระดมทุน เพื่อต้องการขยายกำลังการผลิตวัคซีนซิโนแวค
- ข้อเท็จจริง Sino Biopharmaceutical เข้าไปถือหุ้นใน Sinovac Life Sciences จำนวน 515 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 15.03% ถือเป็นการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเอง โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้มีหุ้นใดๆและไม่ได้มีสิทธิการเป็นเจ้าของ ในบริษัท Sinovac Life Sciences ใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยใน Sino Biopharmaceutical ที่เข้าไปลงทุนผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ไม่มีสิทธิในการบริหารและแทรกแซงการตัดสินใจใด ๆ ใน Sinovac และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม กับการสั่งซื้อวัคซีน Sinovac ของรัฐบาล เข้ามาในประเทศไทยอย่างที่เกิดการบิดเบือนในสื่อออนไลน์แต่อย่างใด ทั้งนี้หากพบว่า ยังมีการเจตนานำข้อมูลไปบิดเบือน และ สร้างความเสียหาย ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไป