“ไพศาล” ชี้รอดูกลยุทธ์ “บิ๊กตู่” ลงจากหลังเสืออย่างไร เผย 5 ข้อหลัก ส.ว.250 เสียงแตก!

  • ฟันธงหลังเลือกตั้ง การเมืองย่อมเปลี่ยนแปลงแน่นอน
  • เผย “บิ๊กตู่” อาจรู้ชะตา เป็นที่มาของคำพูดว่า จะไม่เป็นนายกจนตายคาเก้าอี้
  • เผยเวลานี้มีการดึง ส.ว. เข้ามาเป็นพวก และแย่งกันดึงอุตลุด ทำให้ความขัดแย้งยิ่งแตกเป็นเสี่ยง
  • ส่งผลทำให้เสียง ส.ว.ในการเลือกตั้งนายกฯ ครั้งหน้าไม่เป็นเอกภาพ

วันนี้ (13 มิ.ย.65) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายอิสระ และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตรวงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol โดยมีเนื้อหาระบุดังนี้…

เสียง ส.ว. 250 แตกแล้ว!!!!

1.ส.ว. ทั้งหมดมาจากการแต่งตั้ง และจากการเลือกของ คสช. รวม 250 คน เป็นทุนการเมืองในการเลือกนายกรัฐมนตรี

ทำให้การเลือกตั้งปี 2562 แม้ฝ่ายรัฐบาลจะมีเสียงน้อยกว่า แต่นักการเมืองก็รู้ดีว่าทุนการเมือง 250 ส.ว. จะโหวตให้กับพลเอกประยุทธ์ ดังนั้นจึงมาเข้าร่วมเป็นรัฐบาลผสมอย่างง่ายดาย

แต่มาถึงวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เสียง ส.ว.250 เปลี่ยนไปแล้ว

เห็นได้ชัดจากปรากฏการณ์ความขัดแย้ง และความรุนแรงถึงขั้นที่มีการขับ ส.ว. ท่านหนึ่งออกจากห้องประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

2.โครงสร้างของ ส.ว. มี 3 กลุ่ม

– กลุ่มคณะนักร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สืบทอดตำแหน่งกันมาอย่างยาวนาน ราว 25 คน

– กลุ่มที่ คสช. ตั้งเอง จำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็แบ่งเป็นอีก 2 กลุ่ม

– กลุ่มส.ว. ที่เลือกตั้งมาจากจังหวัดต่าง ๆ และ คสช. เลือกแต่งตั้งตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส.ว. กลุ่มหลังนี้เป็นสมัครพรรคพวกหรือคุ้นเคยกับนักการเมืองในจังหวัดนั้น ๆ

3.ส.ว. ทั้ง 250 คน จึงไม่ใช่น้ำเนื้อเดียวกัน มีกลุ่ม มีพวก และมีสังกัด ตลอดจนที่มาดังว่านั้น แต่ที่ผ่านมา ตอนเลือกนายกฯ ยังใหม่สดอยู่ เสียงจึงเป็นเอกภาพ

แต่เมื่อการเมืองภายในรัฐบาลเปลี่ยนแปลงไป และกระแสสังคมที่ไม่เอารัฐบาลก็เพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ และ ส.ว. จำนวนหนึ่งก็มีสำนึกผิดชอบชั่วดีอยู่ ไม่ประสงค์ที่จะสร้างกรรมทำเข็ญแก่บ้านเมืองต่อไป จึงเกิดความขัดแย้งภายในขึ้น ทำให้การแตกแยกกลุ่มเพิ่มขึ้นและชัดเจนขึ้น

4.ส.ว. ชุดนี้จะเลือกนายกฯ ได้อีกครั้งเดียว จากนั้นก็จะหมดวาระแล้ว บรรดาพรรคการเมือง และนักการเมืองทั้งหลายจึงเห็นเป็นโอกาสดึงเข้ามาเป็นพวก ซึ่งง่ายกว่าส่งคนลงสมัคร สส. แต่ก็มีเสียงเลือกนายกฯ เท่ากับ สส.

ดังนั้น จึงมีการดึง ส.ว. เข้ามาเป็นพวก และแย่งกันดึงอุตลุด ทำให้ความขัดแย้งยิ่งแตกเป็นเสี่ยงมากขึ้น และทำให้เสียง ส.ว.ในการเลือกตั้งนายกฯ ครั้งหน้าไม่เป็นเอกภาพ ใครเป็นพวกพรรคการเมืองไหนก็คงลงคะแนนให้กับแคนดิเดทนายกของพรรคนั้น ซึ่งจะหวังให้ทั้ง 250 คน โหวตให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ เหมือนปี 2562 นั้นเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

5.เพราะเหตุนี้ แม้ยังไม่มีการเลือกตั้ง แต่ก็รู้กันแล้วว่านายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งจะเป็นบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อ และมีผลต่อคะแนนเสียงทั้งแบบปาร์ตี้ลิสต์ และแบบเขตเลือกตั้งด้วย  

ดังนั้น ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนอกจากสาเหตุอื่น ๆ แล้ว อย่างช้าที่สุดหลังเลือกตั้งการเมืองย่อมเปลี่ยนแปลงแน่นอน และนี่อาจเป็นที่มาที่พลเอกประยุทธ์ที่พูดว่า

“จะไม่เป็นนายกจนตายคาเก้าอี้”

ซึ่งเป็นท่าทีที่แปลกใหม่ ไม่เคยปรากฏมาก่อน และทำให้ต้องจับตาดูว่าพลเอกประยุทธ์จะมีแผนลงจากหลังเสืออย่างปลอดภัยได้อย่างไร?