“ไพศาล”แนะ10ทางแก้วิกฤตเศรษฐกิจอัดฉีดเงินเข้าระบบ1ล้านล้าน

นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

“วิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศบวกกับผลกระทบ ของ ไวรัส โควิด19 รุนแรงมากที่สุดและเป็นวงกว้างมากที่สุด ถ้ากำลังเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่พอ จะบานปลายลามเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินและจะเป็นวิกฤตใหญ่หลวงแก้ไม่ตก

ถ้าผมมีอำนาจ จะรีบอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 1 ล้านล้านบาท และจะฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยวิธีการดังนี้

1.ให้ธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ออกตราสารหนี้ ระดมเงิน 1 ล้านล้านบาท ระยะ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.5 ถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบ จากดอกเบี้ยต่ำ มีรายได้ไม่พอยาไส้ไปในตัว

2.ให้สินเชื่อแก่ภาคการท่องเที่ยวและภาคการเกษตร ภาคการแปรรูปสินค้าเกษตร และภาคการลงทุน รวมทั้งการลงทุนขุดลอกแหล่งน้ำทั้งหมดทั่วประเทศ และการสร้าง โครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวทุกชนิด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่ม GDP ของจริง และ ทำให้มีเงินหมุนเวียนไม่ขาดสภาพคล่อง ไม่ลุกลามบานปลายเข้าสู่ระบบสถาบันการเงิน

3.เร่งจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 9 เขตตามที่เริ่มไว้เดิมและระดมการลงทุน 5-6 ล้านบาทเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว

4.เปิด International offers เชิญชวนให้ต่างประเทศ มาทำการศึกษาขุดคลองไทย จำกัดไม่เกิน 20 ประเทศ โดยมีเงื่อนไขต้องมีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานประจำไม่น้อยกว่า 18 เดือน และจำนวนไม่น้อยกว่าประเทศละ 100 คน แล้วประเทศไทยคัดเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด ทำการขุดคลองไทยให้เป็นเขตเศรษฐกิจยุทธศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ระดมการลงทุน 10 ล้านล้านบาทเข้ามาในพื้นที่นั้น

5.ตั้งผู้แทนทางการค้า 5 คน มีฐานะเท่ากับรัฐมนตรีเป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี เร่งออกไปเจรจาค้าขายสินค้าไทย ตั้งเป้าปีละ 5 แสนล้านบาท

6.นำที่ดินสปก. 10 ล้านไร่ เอามาออกเป็นโฉนดที่ดิน จำเริญพระบรมราโชบายของรัชกาลที่ 5 จำหน่ายให้แก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์ ในราคา 30 เปอร์เซ็นต์ของราคาประเมิน เพื่อนำรายได้เข้ารัฐและทำให้พื้นที่ดังกล่าวสามารถทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้

7.เร่งให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็วที่สุดเพื่อให้มีการนำเงินไปใช้จ่ายไหลเวียนถึงราษฎรในชนบททั่วประเทศ

8.จะเปิดให้มีการผลิตและนำเข้ารถไฟฟ้าทุกประเภททันที เพื่อลดฝุ่นพิษ เพื่อเพิ่มรายได้แผ่นดิน และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

9.จะเร่งเชื่อมเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน จากสถานีหนองคายถึงสถานีเวียงจันทน์ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกขบวนการเชื่อมต่อและใช้เส้นทางรถไฟสายไหมกับทั่วโลก

10.เข้าร่วมแผนปฏิบัติการตามปฏิญญาซันย่า เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำ และเส้นทางค้าขายทางลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ และแก้ปัญหาแม่น้ำโขงแล้งฝั่งไทย ไปพร้อมกัน

พรรคการเมืองไหนจะเอาเรื่องเหล่านี้ไปใช้ปฏิบัติก็ยินดีมากครับ”