“ไปรษณีย์ไทย”ชวนคนไทยส่งสิ่งของไม่จำเป็นให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ ฝากส่งไม่มีค่าใช้จ่าย!

  • บรรจุลงกล่องน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
  • ที่ผ่านมาส่งความห่วงใยแล้ว รวมกว่า 10,000 ชิ้น
  • ฝากส่งของได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 2564

วันที่ 19 พฤษภาคม 2564  นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกือบ 1 เดือน  ไปรษณีย์ไทยได้ดำเนินโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19 ปี 2564” เพื่อขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นจากคนไทย ไปถึงโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน มีจำนวนพัสดุรวมกว่า 10,000 ชิ้น น้ำหนักรวมกว่า 65,000 กิโลกรัม รวมมูลค่าการขนส่งกว่า 2.6 ล้านบาท โดยไปรษณีย์ไทยได้ขนส่งพัสดุทั้งหมดไปถึงโรงพยาบาลปลายทางแล้ว โดยโรงพยาบาลที่มีปริมาณสิ่งของส่งถึงมากที่สุด 5 โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลอุ้มผาง โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายโรงพยาบาล ยังคงมีความต้องการสิ่งของจำเป็นที่จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย N95 ชุดอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล หรือ ชุด PPE เจลล้างมือ สเปรย์แอลกอฮอล์ เป็นต้น เนื่องด้วยอุปกรณ์เหล่านี้ไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ และมีความจำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ จึงทำให้มีปริมาณการใช้งานในจำนวนที่มากกว่าปกติ

ดังนั้นไปรษณีย์ไทยจึงขอเชิญชวนคนไทย ร่วมส่งความห่วงใยถึงบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ โดยสามารถนำสิ่งของจำเป็น บรรจุลงกล่องน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมจ่าหน้าถึง “ผู้อำนวยการโรงพยาบาล…….” ที่ต้องการฝากส่ง นำมาส่งได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการฝากส่ง  ยกเว้นไปรษณีย์อนุญาต ร้านไปรษณีย์ EMS Point และร้านรับรวมรวม หรือหากต้องการส่งเป็นจำนวนมาก สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2831-3598  เพื่อประสานงานในการขนส่ง

“ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการระบาดของเชื้อโควิด- 19 ด้วยการเป็นสื่อกลาง ในการขนส่งสิ่งของจำเป็นจากคนไทยทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มบุคคลผู้มีชื่อเสียง รวมถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีบทบาทในการบรรเทาวิกฤตในครั้งนี้ เพื่อส่งความห่วงใย และกำลังใจไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ได้มีพลังในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ต่อไป”