“ไปรษณีย์ไทย”ครบรอบ 138 ปี ลุยยกระดับการทำงานสู่ “Tech Post”ช่วยขนส่งอุปกรณ์การแพทย์ช่วงโควิด

  • เปิดให้บริการรับฝากทุกวันไม่เว้นวันหยุด
  • ลดระยะเวลารอคอยใช้บริการที่เคาน์เตอร์
  • ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล

วันที่ 13 สิงหาคม 2564  นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 138 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย รวมถึงก้าวสู่ 19 ปีแห่งการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และในฐานะหน่วยงานขนส่งและสื่อสารของชาติ ภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทย ได้เน้นย้ำดำเนินงานผ่านแนวคิด  “ส่งพลังสร้างสัมพันธ์”  ซึ่งเป็นการใช้ศักยภาพแต่ละด้าน ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด (COVID -19) ให้เดินหน้าต่อได้ รวมถึงสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างองค์กร พันธมิตรทางธุรกิจ และประชาชนในฐานะ “เพื่อนแท้ร่วมทาง” ด้วยการใช้ศักยภาพสื่อสาร การขนส่ง และการเข้าถึงทุกพื้นที่ รองรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตามบริบทต่าง ๆ ของโลก

ทั้งนี้ในปี 2564 นี้ ไปรษณีย์ไทย เตรียมยกระดับการดำเนินงานให้อยู่ในรูปแบบของ Tech Post ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาคประชาชนที่จะมีบริการรับฝากไปรษณีย์อัตโนมัติ (APM) ซึ่งเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการได้ลดระยะเวลารอคอยใช้บริการที่เคาน์เตอร์ และในยุค Social Distancing การเปิดให้บริการรับฝากทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งธุรกิจ ในภาคอีคอมเมิร์ซกับการพัฒนาบริการคลังสินค้าครบวงจร (THP Fulfilment) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ การยกระดับการขนส่งควบคุมอุณหภูมิผ่านการดำเนินความร่วมมือกับพันธมิตรเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับธุรกิจอาหารสด ผลผลิตทางการเกษตรให้มีความสดใหม่ และรองรับผู้บริโภคในทุกภูมิภาคที่ต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังเตรียมขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล  เช่น เทคโนโลยีทดแทนการใช้บริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิมจาก Physical mail ไปสู่ Digital Mail ระบบจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (Total Document Handling : TDH) การพัฒนาแพลตฟอร์ม Fintech ที่ทุกคนจะสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้ทุกรูปแบบ หรือแม้แต่กระทั่งช่องทางการค้า e -Marketplace ที่ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ เป็นต้น

ทั้งนี้ไปรษณีย์ไทย ยังได้ขับเคลื่อนอีกหลายภารกิจสำคัญ ทั้งโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้สู้ภัย COVID – 19” บริการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคคลากรด่านหน้าเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 กว่า 250,000 กิโลกรัม การให้ความร่วมมือกับสำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จัดตั้งศูนย์พักคอยโรงเรียนการไปรษณีย์ เขตหลักสี่ รองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง นำมาพักคอยเพื่อรอการนำส่งต่อไปรักษาที่สถานพยาบาล

อีกทั้งยังได้ช่วยลดความแออัดในสถานพยาบาลผ่านการเป็นช่องทางจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ถึงบ้านผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้มียอดการขนส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลไปส่งยังผู้ป่วยถึงบ้านแล้วจำนวนกว่า 600,000 ชิ้น จากโรงพยาบาลกว่า 400 แห่ง พร้อมด้วยโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” ที่รวบรวมกล่อง/ซองกระดาษไม่ใช้แล้วจากคนไทย เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์จำเป็นทางการแพทย์ส่งให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วไทย ซึ่งขณะนี้ มีจำนวนรวมกว่า 120,000 กิโลกรัม

นอกจากนี้ยังออกมาตรการเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการลดภาระต้นทุนการจัดส่งสินค้าด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าจัดส่งแบบ EMS หรือ เปิดให้บริการแบบ Pick-up service รับฝากสิ่งของโดยผู้ใช้บริการไม่ต้องออกจากบ้าน รวมถึงสำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านยอดขายในช่วงโควิด-19ไปรษณีย์ไทยก็ได้มีการเปิดพื้นที่บนเว็บไซต์ Thailandpostmart เป็นช่องทางออนไลน์ในการช่วยจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน

ทั้งยังสนับสนุนการจำหน่ายและขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ให้เกษตรกร ซึ่งระบายผลผลิตไปแล้วกว่า 10,817 ตัน ในพื้นที่ 25 จังหวัด สามารถสร้างรายได้เป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลผลิตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค เช่น ลำไยอีดอ จ.ลำพูน มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านวังทับไทร จ.พิจิตร ทุเรียนภูเขาไฟ จ.ศรีษะเกษ และล่าสุดกับการช่วยจำหน่ายและขนส่งมังคุดให้ชาวสวนในพื้นที่ภาคใต้