ไทยขึ้นแท่นอันดับ10ส่งออกสินค้าเกษตรมากสุดในโลก

  • 7เดือนปีนี้ส่งออกแล้วเฉียด2.4 หมื่นล้านเหรียญฯ
  • สินค้าขายดีมีทั้งทุเรียน-มังคุด-ยางพารา-สัตว์ปีก
  • อานิสงส์เอฟทีเอ18ประเทศลด/เลิกเก็บภาษีนำเข้า

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ส่งออกสินค้าของไทย พบว่า ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ปี 62 ไทยส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกคิดเป็นมูลค่ารวม 23,741 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 10 ของประเทศที่ส่งออกสินค้าเกษตรสู่ตลาดโลกมากที่สุดในโลก จากปี 61 ที่อยู่อันดับ 11 และเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยกับ 18 ประเทศตคู่เอฟทีเอ ซึ่งได้ลดและเลิกภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ส่งผลให้ไทยมีแต้มต่อเหนือประเทศคู่แข่ง และมีการนำเข้าจากไทยมากขึ้น

ทั้งนี้ เฉพาะ 18 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง นั้น ในช่วง 7 เดือน ไทยส่งออกสินค้าเกษตรไปมูลค่ารวม 16,833 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 70% ของการส่งออกสินค้าเกษตรทั้งหมดของไทย โดยคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน จีน และญี่ปุ่น

สำหรับสินค้าที่ผู้ส่งออกไทยใช้สิทธิประโยชน์ส่งออกภายใต้เอฟทีเอระหว่างอาเซียนมากที่สุด คือ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด, อาเซียน-จีน คือ ยางพารา ทุเรียน มันสำปะหลัง มะม่วง ฝรั่ง มังคุด, ไทย-ญี่ปุ่น คือ เนื้อไก่และเครื่องในไก่ เนื้อสัตว์ปีกแช่แข็ง กุ้งปรุงแต่ง, อาเซียน-ญี่ปุ่น คือ กุ้งปรุงแต่ง ปลาแมคเคอเรล/ปลาซาร์ดีนปรุงแต่ง, อาเซียน-เกาหลี คือ ฝรั่ง มะม่วง มังคุด, อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ คือ ปลาทูน่าปรุงแต่ง และไทย-ชิลี คือ ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ๊ค

”กรมให้ความสำคัญกับการเจรจาผลักดันให้คู่ค้าลดเลิกภาษีและอุปสรรคทางการค้า เพื่อสร้างความได้เปรียบและโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตรของไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทบทวนเอฟทีเอที่มีอยู่แล้ว และเอฟทีเอที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยเกษตรกรไทยจำนวนมากที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้าเกษตรไทยออกสู่ต่างประเทศ จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์จากเอฟทีเอที่ประเทศคู่ค้า ลดภาษีศุลกากรให้กับสินค้าเกษตรไทย เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรไทยส่งออกได้มากขึ้น และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน”