“ได๋ : ไดอาน่า” เผย 1 ปีที่ผ่านมา คิดทุกวันประเทศนี้อย่าจน เพราะคนจนไม่มีทางเลือก

  • เพราะจนทั้งเงิน โอกาส ปัญญา
  • ทุกวันฝันแค่ว่าวันนี้เราจะเห็นตัวเลขอะไร
  • เพราะคนไทยต้องการความหวังเป็นอย่างมาก

นางสาวไดอาน่า จงจินตนาการ นักแสดง พิธีกร กล่าวในเวทีสัมมนา “THAIRATH FORUM 2022” ภายใต้หัวข้อ “ตื่น ฟื้น ฝัน: สังคมต้องตื่น เศรษฐกิจต้องฟื้น การเมืองในฝัน” จัดโดยไทยรัฐกรุ๊ป ว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม สิ่งที่คิดทุกวันเลยคือประเทศนี้อย่าจน เพราะคนจนไม่มีทางเลือก เมื่อจน จนอะไรบ้าง จนเงิน จนโอกาศ จนปัญญา จนไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ทุกวันฝันแค่ว่าวันนี้เราจะเห็นตัวเลขอะไร คิดว่าฝันอันนี้จะตีออกมาเป็นตัวเลขอะไร เพราะคนไทยตอนนี้ต้องการความหวังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ถ้าเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นสีซีเปีย คือเป็นสีที่ไม่มีความสดใส ความฝันคืออยากให้ประเทศไทยจากสีซีเปีย เป็นเบบี้บลู, เบบี้พิงค์

ซึ่งถ้ามองในมุมของอุดมคติ อาจจะยากจนเกินไป เพราะฉะนั้นเราแตะให้มันเรียลลิสติ้กมากยิ่งขึ้น ข้อแรกคือประชาชนต้องเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐานของตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนไทย มีเลขบัตรประชาชน มีสิทธิอะไรบ้าง เพราะทุกวันนี้ยังมีคนอีกเยอะมากที่ไม่รู้ว่า การเป็นคนไทยสิทธิขั้นพื้นฐานของเราคืออะไร จากสถานการณ์โควิด-19 แม้แต่สิทธิที่จะได้รับการรักษา บางคนกลัวไปก่อนจนไม่รู้ว่าหน่วยงานภาครัฐจะดูแล

ต่อมา พอคนเกิดปัญหาสิ่งหนึ่งจะนั่งคิดว่าทำยังไง เพราะไม่มีกิน จะทำยังไงต่อ ภาครัฐจะช่วยยังไงได้บ้าง ซึ่งถ้ามองในภาพกว้างจะเห็นว่ามีหลายหน่วยยื่นมือเข้ามาช่วยภาคประชาชน แต่คนที่เขาเดือดร้อนจริงๆ เขาเข้าไม่ถึงการได้รับความช่วยเหลือเหล่านั้น เพราะคนที่ประสบปัญหาจริงๆ โทรศัพท์มือถือไม่มี ถ้ามีก็ยังเป็นแบบปุ่มกด เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร

ประเทศไทยตอนนี้ จำนวนประชากรของผู้สูงอายุมีเยอะมาก และจำนวนผู้สูงอายุที่ตกสำรวจก็มีอยู่เยอะมาก จำนวนประชากรของผู้สูงอายุที่อาจจะอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็มีอยู่เยอะมาก ฉะนั้นจะทำยังไงให้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นคนไทยคืออะไร

ในแง่ของอัตราการว่างงาน คนตกงานเยอะมาก โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ผ่านมา หลายหน่วยงานต้องปิดตัวไป หลายคนไม่รู้จะไปต่อยังไง โอกาสอยู่ตรงไหนบ้าง ต่อมาเรื่องของการศึกษา ทำไมจะต้องให้คนไทยด้วยกันมานั่งคิดว่า จะต้องเอาการศึกษาอะไรให้ลูกหลาน ถ้าหากพื้นฐานการศึกษาของทุกคนเท่าเทียมกัน เด็กๆ ในบางจังหวัดไม่เคยแตะคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ ส่วนคนที่มีฐานะนั้นมีไอแพดหลายเครื่อง มันคือความเหลื่อมล้ำที่มันมีอยู่ทุกจุด ถ้าความฝันสามารถเป็นจริงได้ คือมิติไหนของสังคมแตะไปตรงไหนทุกคนรู้ว่าสิทธิของตัวเองคืออะไร คิดว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด หากว่าวันหนึ่งทุกคนในประเทศนี้ มีการศึกษาที่เท่าเทียมกันไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เชื่อว่ารุ่นต่อไปของเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

สิ่งจำเป็นที่ทำให้ฝันเป็นจริงได้
ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องของกลุ่มเปราะบาง สามารถพูดได้หลาย 10 ปี เพราะว่าแค่ใน กทม. ถ้ามองดูดีๆ เมืองของเราเป็นเมืองที่น่าอยู่มาก แต่บางทีข้างหน้าดูไฮโซ ข้างหลังคือเป็นห้องเล็กๆ แต่อยากให้มองประเทศแบบนี้ว่า เป็นองค์กรหรือบริษัทหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำอะไรก็แล้วแต่ การจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้คือ ใจ 1.จริงใจ 2.เปิดใจ 3.เห็นอกเห็นใจ

1.จริงใจ ทุกวันนี้ความจริงใจหายากมากในสังคม ถ้าในองค์กรมีความจริงใจต่อกันและกัน ผู้บริหารจริงใจต่อพนักงาน จริงใจต่อลูกค้า ทุกอย่างจะเป็นโมเดลที่ดีมาก แต่ถ้าหากแต่ละแผนกไม่จริงใจต่อกัน มันจะส่งผลกับองค์กร หรือบริษัทนั้นๆ

2.เปิดใจ หลายคนเห็นการทะเลาะกัน มีการประท้วง ความขัดแย้ง เราเคยเปิดใจพูดและฟัง การทำทุกธุรกิจมันต้องมีการรับฟัง ประเทศนี้ก็เช่นเดียวกัน เราต้องการเปิดใจพูดและฟังโดยไม่มีอะไรมากั้น เรารู้ว่าปัญหานี้มีอยู่จริง เถียงกันด้วยเหตุผลไม่ใช่ความรู้สึก พูดกันด้วยเหตุผลแล้วจะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด

3.เห็นอกเห็นใจ เชื่อว่าปัญหาไม่มีทางหายไปได้ง่ายๆ แต่เราสามารถมูฟออนได้ ทุกๆ ความขัดแย้ง ถ้าเรามีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แต่ต้องจริงใจกัน เหมือนการบริหารบริษัท องค์กร ถ้ามีความโปร่งใส มีความจริงใจ เห็นอกเห็นใจ เข้าใจกัน ไม่ว่าวิกฤติที่เจออยู่จะเป็นอะไร วันนี้หรือวินาทีนี้จะดีกว่าวินาทีที่แล้ว

สุดท้ายนี้ ในแง่ของภาคประชาชน ทุกคนมองตาก็รู้ใจ อดทนไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน ฝากถึงผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศ ถ้าคุณเคยเป็นเจ้าของธุรกิจ เคยบริหารองค์กรคุณอย่างไร ก็ขอให้บริหารประเทศนี้เยี่ยงนั้น กล่าวคือ ความโปร่งใส ความจริงใจ ความเห็นอกเห็นใจ และโปรดเข้าใจประชาชนด้วยว่า ตอนนี้ทุกคนลำบากมากจริงๆ แล้วแก้ปัญหาให้ตรงจุด HR คงไม่เอาคนที่ถนัดอย่างอื่นมาอยู่ในแผนกที่เขาไม่ถนัด ฉะนั้นให้ความฝันของคนไทยไม่เป็นเพียงแค่ความฝันต่อไป.