ให้คนทำงาน ได้ทำงานเถอะครับ ! “พลพีร์” สวน “หมอธีระ” ปมเดินหน้าปลดโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น

นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ให้ทบทวนเรื่องการเดินหน้า การให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นนั้น ว่า

เป็นความเห็นของคนหน้าเดิม ที่ไม่ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะทำอะไร ต้องมีท่าทีค้านไปหมด หมอท่านนี้เอง เคยถูกหมอด้วยกันติติงกันมาแล้ว ด้วยคำว่า NO ACTION TALK ONLY อยากให้ไปหาอ่านข่าวกันดู ปัญหา คือ นี่ไม่ใช่เวลามาสร้างความหวาดกลัว ตนเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ประชาชน มีประสบการณ์ ในการรับมือกับโควิด-19 แล้ว และสามารถอยู่ร่วมกับโรคอย่างเข้าใจแล้ว สิ่งที่ประชาชนกลัวมากที่สุดตอนนี้คือเรื่องของการทำมาหากิน ปัญหาปากท้องกำลังรุมเร้าประชาชน นี่จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาล พยายามหาทางแก้ไข และสิ่งที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด คือ การค่อยๆ ทยอยคลายมาตรการ เปิดบ้าน เปิดเมือง ให้คนได้กลับไปทำมาหากินให้ใกล้เคียงกับปกติที่สุด ซึ่งมันต้องมาจากหลักคิดที่ให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นก่อน หรือการที่โควิดฯ เป็นโรคหนึ่ง เมื่อป่วย เรามีศักยภาพในการรักษาให้หายป่วย และที่ผ่านมา เราก็ฉีดวัคซีนได้ถึงเป้าที่วางไว้ ส่วนเรื่องเวชภัณฑ์ เรานำเข้ายาสำคัญมาครบทั้งหมด มีจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการ

ขณะที่อัตราการสูญเสีย เราก็อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ตอนนี้ การระบาดจากการประเมินของกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทยอยู่ในจุดที่เรียกว่า DECLINING MODE คือขาลงของการระบาดแล้ว สถานการณ์ตรงหน้า คือ ตัวกำหนดให้เราเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ไม่ใช่ว่า ปุบปับ เราจะประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นเสียเมื่อไร ทุกอย่างเราวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง กระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเป้าหมายในการทำงาน แต่เราไม่เอาชีวิตของประชาชนมาเสี่ยงตายแน่นอน เราอาจจะไปถึงจุดนั้นเร็วขึ้นกว่าที่คาด หรือช้ากว่าที่คาด เรามีสถานการณ์เป็นเครื่องกำหนด ถึงตอนนี้ เราต้องให้คนทำงาน ได้ปฏิบัติหน้าที่ ตามเป้าหมาย อย่าให้ต้องมาไขว้เขว กับคนที่สักแต่จะวิจารณ์ คนที่พูด จะพูดอะไรก็ได้ เพราะขยับปาก ง่ายกว่าขยับมือ แต่คนที่ทำ มันเหนื่อย ขอเป็นกำลังใจให้คนทำงาน

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นข้อมูลจากท่านปลัดกระทรวงฯ น่าจะตอบคำถามได้ว่า ทำไม เราถึงกล้าเดินหน้าเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ท่านให้ข้อมูลที่สำคัญ คือ ตอนนี้ เตียงรองรับผู้ป่วยมีเพียงพอ อัตราการครองเตียงลดลงเรื่อยๆตามจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงต่ำกว่าการคาดหมาย เทศกาลสงกรานต์และการเปิดโรงเรียนยังไม่มีผลกระทบต่อการเพิ่มจำนวนผู้ป่วย ซึ่งส่งผลให้การคลายล็อก ต้องทยอยปฏิบัติต่อไป เราจะปรับลดสีของกลุ่มจังหวัดจากเหลืองเป็นฟ้าและเขียวโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นจังหวัด SANDBOX โดยยังต้องเน้น VUCA , UP และใส่แมสอยู่ นอกจากนั้น จะมีการปรับระดับการเตือนภัยจาก 3 เป็น 2 ในหลายๆ เรื่อง อาทิ สถานที่เสี่ยง การเข้าร่วมกิจกรรม การเดินทางข้ามจังหวัด การเดินทางข้ามประเทศ ระหว่างนี้ เราต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและเตรียมตัวการปรับเข้าสู่โรคประจำถิ่น พร้อมไปกับการเตรียมการของระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับการดูแลผู้ป่วยในการเข้าสู่โรคประจำถิ่น