“ในหลวง-พระราชินี” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา

เมื่อเวลา 17.46 น. วันที่ 26 ก.พ.2564 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังพระบรมมหาราชวัง ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2564 โดยรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี เทียบที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ครั้นเสด็จเข้าพระอุโบสถ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงยืนหน้าพระราชอาสน์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงยืนหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี ยืนหน้าเก้าอี้ที่จัดไว้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดเทียนรุ่ง ทรงรับกระทงดอกไม้จากเจ้าพนักงานพระราชพิธีวางบนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งแล้วทรงจุดเทียนห่วงบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงคม เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงคม แล้วเสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์

พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเทียนชนวน ทรงหยิบเทียนชนวนจุดไฟที่โคมไฟฟ้าซึ่งเจ้าพนักงานพระราชพิธีถือถวาย แล้วพระราชทานเทียนชนวนที่ทรงจุดให้รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองพระราชพิธี เชิญไปถวายเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จุดเทียนรุ่งที่ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน 5 พระอาราม ประกอบด้วย วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และวัดนิเวศธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

พระสงฆ์ 30 รูปเจริญพระพุทธมนต์ จบ เสด็จฯ ไปทรงโปรยดอกมะลิที่ธรรมาสน์ศิลา ประทับพระราชอาสน์ ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานเจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์ศิลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย (เครื่องห้า) สำหรับทรงธรรม สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสำหรับทรงธรรม ทรงศีล พระราชวิสุทธิมุนี วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จังหวัดสุรินทร์ ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหลั่งทักษิโณทก และเสด็จฯ ไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระเทศน์ แล้วทรงยืนประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ซึ่งจะเดินเข้าไปรับจนหมด ต่อมาประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์ถวายอดิเรก จบแล้ว ออกจากพระอุโบสถ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปทรงทราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถ เสด็จฯ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่งที่ประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

การพระราชกุศลมาฆบูชานี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือพระราชพิธี 12 เดือน ในรัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบัน ก่อนถึงวันพระราชกุศลวันมาฆบูชา เจ้าหน้าที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง จะได้นำเทียนรุ่ง จำนวน 14 เล่ม หนักเล่มละ 600 กรัม สูง 40 เซนติเมตร สำหรับจุดบูชาพระตลอดคืนจนรุ่งเช้า ขนาดขี้ผึ้งหนัก 600 กรัม สูง 40 เซนติเมตร ไปตั้งถวาย ณ พระราชฐานที่ประทับ เสด็จออกทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมเทียนรุ่ง ทรงพระราชอุทิศพระราชทานไปจุดบูชาพระรัตนตรัย ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม 4 เล่ม และพระอารามที่เกี่ยวเนื่องกับรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 คือ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดนิเวศธรรมประวัติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระอารามละ 2 เล่ม

ในโอกาสนี้ พสกนิกรชาวไทยจำนวนมาก พร้อมใจสวมเสื้อเหลืองและสีม่วงเฝ้าฯ รับเสด็จ และชื่นชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี บริเวณโดยรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และบริเวณตลอดทางเสด็จฯ อย่างพร้อมเพรียงและเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้อง ด้วยความจงรักภักดี ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่วัดตรวจอุณหภูมิร่างกาย ติดสติกเกอร์พร้อมทั้งมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการประชาชนที่จุดคัดกรอง โดยประชาชนได้สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัย และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)